รู้จักชนิดของผึ้ง และประชากรของผึ้ง

รู้จักชนิดของผึ้ง และประชากรของผึ้ง

น้ำผึ้งเป็นสารให้ความหวาน ที่เราทราบกันดีว่าได้มาจากการทำหน้าที่ของผึ้งงานแต่ละชนิด นำน้ำผึ้งหรือน้ำหวานจากเกสรดอกลำไย ดอกสาบเสื้อ และดอกไม้ป่า หรือน้ำหวานจากพืชชนิดอื่น ๆ ไปเก็บสะสมไว้ในรังผึ้ง ซึ่งนอกจากน้ำผึ้งที่ได้จะมีรสชาติ ความหอมหวาน และสีที่แตกต่างกันจากชนิดของเกสรดอกไม้ที่ผึ้งนำมาแล้ว น้ำหวานที่ได้จากผึ้งแต่ละชนิดก็มีคุณสมบัติที่แตกต่างกันด้วย

ผึ้งมีกี่ชนิด

ชนิดของผึ้งที่พบในประเทศไทย จากข้อมูลของกรมส่งเสริมการเกษตร พบว่ามีอยู่ 5 ชนิด ได้แก่ ผึ้งหลวง ผึ้งมิ้ม ผึ้งม้าม ผึ้งโพรง และ ผึ้งพันธุ์ ซึ่งแต่ละชนิดมีลักษณะรวมถึงคุณภาพของน้ำผึ้งที่แตกต่างกัน ดังนี้

1. ผึ้งหลวง(Apis dorsata) ผึ้งหลวงเป็นผึ้งพื้นเมืองชนิดหนึ่งของไทยและประเทศอื่น ๆ ทางคาบสมุทรอินเดียและเอเชียอาคเนย์ มีขนาดใหญ่ที่สุดในบรรดาผึ้งทั้ง 5 ชนิด แข็งแรงมากและเป็นผึ้งที่มีนิสัยดุร้ายเมื่อถูกรบกวน พึ่งหลวงจะสร้างรังขนาดใหญ่อยู่ตามที่สูงๆ รวงผึ้งมีลักษณะเป็นรวงเดียวห้อยอยู่ตามหน้าผา ตามภูเขา โขดหิน ตามชะง่อนผา ตามต้นไม้ใหญ่ มุมตึก หรือชายคาบ้าน ผึ้งหลวงเป็นผึ้งที่แข็งแรงมาก ทำให้บินหาน้ำหวานจากเกสรดอกไม้ได้ไกล ๆ และหากินเก่ง บางครั้งอาจพบรวงผึ้งขนาดใหญ่มีความกว้างมากกว่า 1 เมตร นํ้าผึ้งชนิดนี้มีคุณภาพเข้มข้น รสหวาน คุณภาพดีกว่าน้ำผึ้งชนิดอื่น แต่เนื่องจากเป็นผึ้งที่มีความดุร้ายจึงไม่นิยมเลี้ยง

2. ผึ้งมิ้ม (Apis florae F.) ผึ้งมิ้ม หรือเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า ผึ้งแมลงวัน เนื่องจากพฤติกรรมชอบตอมขนมหวาน และตัวโตเท่าแมลงวัน จัดว่าเป็นผึ้งที่มีขนาดเล็กที่สุด ไม่ดุร้าย ขนาดรังไม่ใหญ่มากนักและมีน้ำผึ้งน้อยเนื่องจากหาน้ำหวานไม่เก่ง มักพบทำรังตามกิ่งไม้ พุ่มไม้เตี้ยๆ หรือกอไผ่ แต่น้ำหวานที่ได้รสหวานแหลมเชื่อกันว่ามีสรรพคุณทางยาสูงกว่าน้ำผึ้งชนิดอื่น  ผึ้งชนิดนี้ไม่นิยมเลี้ยงเนื่องจากชอบอพยพและมีการย้ายรังบ่อย ๆ

3. ผึ้งโพรง (Apis cerana F.) ผึ้งโพรง เป็นผึ้งขนาดกลางตัวใหญ่กว่าผึ้งมิ้มแต่เล็กกว่าผึ้งหลวง ผึ้งชนิดนี้ในธรรมชาติ จะทำรังด้วยการสร้างรวงผึ้งซ้อนกันเป็นหลืบ ๆ อยู่ในโพรงไม้ หรือโพรงหินที่มีปากทางเข้าค่อนข้างเล็ก แต่ภายในมีที่กว้างพอให้ผึ้งสร้างรวงได้ เป็นชนิดที่นิยมนำมาเลี้ยงและได้ผลดีหากเลี้ยงตามสวนมะพร้าว สวนลิ้นจี่ สวนลำไย หรือสวนผลไม้ต่าง ๆ  สามารถผลิตน้ำผึ้งได้ประมาณ 30-50 กิโลกรัม/รัง/ปี

4. ผึ้งม้าม (Apis andreniformis) ผึ้งม้าม เป็นผึ้งที่มีขนาดเล็กเท่ากับผึ้งมิ้ม ขนาดรัง และนิสัยการสร้างรัง การหาอาหาร ไม่แตกต่างไปจากผึ้งมิ้ม แต่จะแตกต่างเฉพาะลักษณะเหล็กไน เส้นปีก และอวัยวะสืบพันธุ์ของผึ้งตัวผู้ ซึ่งจะแยกแยะได้ยากมาก

5. ผึ้งพันธุ์ (Apis mellifera F.) เป็นผึ้งพื้นเมืองของทวีปแอฟริกาและยุโรป มีลำตัวใหญ่รองลงมาจากผึ้งหลวง และใหญ่กว่าผึ้งโพรง ผึ้งชนิดนี้นิยมเลี้ยงมากที่สุด ถูกนำเข้ามาเลี้ยงเพื่อผลิตน้ำผึ้งโดยเฉพาะ พันธุ์ที่นิยมเลี้ยงได้แก่ ผึ้งพันธุ์อิตาเลี่ยน ผึ้งพันธุ์คาร์นิโอลาน ผึ้งพันธุ์คอเคเซี่ยน และผึ้งพันธุ์ดำ  

ประชากรของผึ้ง

ผึ้ง เป็นสัตว์ปีกหรือแมลงที่มีสังคม (Social insect) และแบ่งหน้าที่การทำงานแตกต่างกันไปตามวรรณะของผึ้ง โดยประชากรของผึ้งแบ่งตามวรรณะ ดังนี้

1. ผึ้งนางพญา (Queen) ผึ้งนางพญา เป็นผึ้งตัวใหญ่ อายุขัยของผึ้งนางพญามากกว่า 1 ปี มีบางตัวอายุขัยอาจมากถึง 7 ปี และใน 1 รังจะมีผึ้งนางพญา 1 ตัวเท่านั้น ทำหน้าที่ผสมพันธุ์ วางไข่ และควบคุมประชากรผึ้งวรรณะอื่นด้วยสารเคมีที่เรียกว่าฟีโรโมนส์ไปทั่วรัง เพื่อควบคุมสมาชิกหรือประชากรผึ้งภายในรังให้เป็นไปอย่างเป็นระบบระเบียบ โดยผึ้งนางพญาจะอาศัยอยู่ภายในรัง ไม่ออกหาอาหารแต่จะถูกห้อมล้อมด้วยผึ้งงานคอยดูแลป้อนอาหารและนำของเสียจากนางพญาไปทิ้ง

2. ผึ้งตัวผู้ (Drone) ผึ้งตัวผู้ เป็นประชากรผึ้งที่ถูกสร้างขึ้นในช่วงฤดูผสมพันธุ์เท่านั้น อายุขัยประมาณ 4-6 สัปดาห์ เป็นผึ้งไม่มีเหล็กไน มีลิ้นสั้นสำหรับเลียรับอาหารจากผึ้งงาน ไม่ออกหาอาหารหรือออกหาน้ำหวานจากเกสรดอกไม้ป่าและจะทำหน้าที่เพียงอย่างเดียว คือ คอยผสมพันธุ์กับผึ้งนางพญา พฤติกรรมผสมพันธุ์ ในวันที่อุณหภูมิเหมาะสม ผึ้งตัวผู้จะผสมพันธุ์กับผึ้งนางพญา หลังจากผสมพันธุ์ผึ้งตัวผู้จะตกตาย โดยยังค้างอวัยวะสืบพันธุ์ติดอยู่กับผึ้งนางพญา หากหมดฤดูผสมพันธุ์ ถ้าผึ้งตัวผู้ตัวใดไม่ได้ผสมพันธุ์ก็จะถูกไล่ออกจากรังหรือผึ้งงานไม่ป้อนอาหารและตายในที่สุด

3. ผึ้งงาน (Worker) ผึ้งงาน เป็นผึ้งเพศเมียที่เป็นหมัน หรือเกิดจากไข่ที่ได้รับการผสมจากผึ้งตัวผู้ แต่เป็นเพศเมียที่ไม่สมบูรณ์เพศเนื่องจากรังไข่ฝ่อ มีอายุขัยประมาณ 6-8 สัปดาห์ เป็นผึ้งที่มีขนาดเล็กที่สุดใน 3 วรรณะมีหน้าที่ออกหาอาหาร หาน้ำหวานจากธรรมชาติหรือจากการเลี้ยง เช่น จากเกสรดอกลำไย ดอกสาบเสื้อ และดอกไม้ป่า ทำหน้าที่สร้างรังหรือรวงผึ้งจากไขที่ผลิตจากต่อม คอยเลียทำความสะอาดนางพญาและรัง ทำหน้าที่่ป้อนอาหารให้แก่ผึ้งนางพญา และผึ้งตัวผู้ ปัจจุบันน้ำหวานหรือผลผลิตที่ได้จากผึ้ง เช่น เกสรผึ้ง ไขผึ้ง นมผึ้งสด รวงผึ้ง ล้วนเป็นเป็นประโยชน์ทั้งต่อสุขภาพและความงาม รวมไปถึงการเลี้ยงผึ้งที่นอกจากเป็นการสร้างรายได้จากการขายน้ำผึ้ง ยังช่วยเพิ่มผลผลิตทางการเกษตร เนื่องจากผึ้งเป็นแมลงที่ช่วยผสมเกสรของพืชได้ดีที่สุด

4. ผึ้งม้าม (Apis andreniformis) ผึ้งม้าม เป็นผึ้งที่มีขนาดเล็กเท่ากับผึ้งมิ้ม ขนาดรัง และนิสัยการสร้างรัง การหาอาหาร ไม่แตกต่างไปจากผึ้งมิ้ม แต่จะแตกต่างเฉพาะลักษณะเหล็กไน เส้นปีก และอวัยวะสืบพันธุ์ของผึ้งตัวผู้ ซึ่งจะแยกแยะได้ยากมาก

5. ผึ้งพันธุ์ (Apis mellifera F.) เป็นผึ้งพื้นเมืองของทวีปแอฟริกาและยุโรป มีลำตัวใหญ่รองลงมาจากผึ้งหลวง และใหญ่กว่าผึ้งโพรง ผึ้งชนิดนี้นิยมเลี้ยงมากที่สุด ถูกนำเข้ามาเลี้ยงเพื่อผลิตน้ำผึ้งโดยเฉพาะ พันธุ์ที่นิยมเลี้ยงได้แก่ ผึ้งพันธุ์อิตาเลี่ยน ผึ้งพันธุ์คาร์นิโอลาน ผึ้งพันธุ์คอเคเซี่ยน และผึ้งพันธุ์ดำ

6.ผึ้งจิ๋ว หรือ เรียกว่า ชันโรง (Stingless bees)   เรียกว่าเป็นผึ้งที่มีความคล้ายแมลงที่ผสมเกสรตัวเล็กๆ แต่ก็จัดอยู่ในจำพวกผึ้งแต่ไม่มีเหล็กไนเหมือนผึ้ง ชันโรง มีวิวัฒนาการสูงกว่าผึ้งป่าและผึ้งหึ่ง นอกจากนี้ ชันโรงยังให้น้ำผึ้งอีกด้วย น้ำผึ้งและเกสรของชันโรงมีราคาแพงกว่าน้ำผึ้งทั่วๆ ไป เนื่องจากเชื่อกันว่ามีคุณค่าทางโภชนาการสูงกว่า เพราะรังของชันโรงหายาก และมีปริมาณน้ำผึ้งน้อย ชันโรงนอกจากจะให้น้ำผึ้งที่มีคุณค่าทางโภชนาการแล้วยังช่วยผสมเกสรพืชต่างๆ ได้เป็นอย่างดี ชันโรงมีกล้ามเนื้อที่แข็งแรงสามารถบินลอยตัวอยู่ได้นานโดยไม่จับเกาะอะไร เหตุที่เป็นเช่นนี้ เพราะกล้ามเนื้อส่วนอกแข็งแรงทำให้กระพือปีกได้นานบินร่อนลงเก็บเกสร และดูดน้ำหวานเป็นไปอย่างนุ่มนวลไม่ทำให้กลีบดอกช้ำ ชันโรงมีชุกชุมทุกภาคของประเทศไทย ชันโรงช่วยผสมเกสรเพิ่มผลผลิตพืชเศรษฐกิจต่างๆ ได้เป็นอย่างมีประสิทธิภาพ เพราะชันโรงมีพฤติกรรมการเก็บเกสรดอกไม้ 80 % ชันโรง หรือ ผึ้งจิ๋วถือว่าเป็นผึ้งสังคมพื้นเมืองของประเทศไทยเรานี่เองที่ไม่มีเหล็กไน อาศัยในโพรงไม้ โพรงใต้ดินและโพรงเทียมตามบ้านเรือน และที่เกิดจากมนุษย์ทำขึ้น หรือเกิดจากวัสดุ อุปกรณ์ เครื่องมือ เครื่องใช้ ภาชนะใช้สอยแล้วตั้งทิ้งไว้ ที่มีสภาพเป็นโพรงมืด เมื่อเข้าไปอาศัยแล้วสามารถบินเข้าออกได้ ชันโรงมีบทบาทด้านการผสมเกสรให้พืชผลทางการเกษตร ทำให้พืชที่ต้องใช้ผึ้งเป็นแมลงผสมเกสรติดผลมากขึ้น ชันโรงเป็นผึ้งที่สร้างรังถาวร อาศัยในรังนานนับสิบปี

ประชากรของผึ้ง

ผึ้ง เป็นสัตว์ปีกหรือแมลงที่มีสังคม (Social insect) และแบ่งหน้าที่การทำงานแตกต่างกันไปตามวรรณะของผึ้ง โดยประชากรของผึ้งแบ่งตามวรรณะ ดังนี้

1. ผึ้งนางพญา (Queen) ผึ้งนางพญา เป็นผึ้งตัวใหญ่ อายุขัยของผึ้งนางพญามากกว่า 1 ปี มีบางตัวอายุขัยอาจมากถึง 7 ปี และใน 1 รังจะมีผึ้งนางพญา 1 ตัวเท่านั้น ทำหน้าที่ผสมพันธุ์ วางไข่ และควบคุมประชากรผึ้งวรรณะอื่นด้วยสารเคมีที่เรียกว่าฟีโรโมนส์ไปทั่วรัง เพื่อควบคุมสมาชิกหรือประชากรผึ้งภายในรังให้เป็นไปอย่างเป็นระบบระเบียบ โดยผึ้งนางพญาจะอาศัยอยู่ภายในรัง ไม่ออกหาอาหารแต่จะถูกห้อมล้อมด้วยผึ้งงานคอยดูแลป้อนอาหารและนำของเสียจากนางพญาไปทิ้ง

2. ผึ้งตัวผู้ (Drone) ผึ้งตัวผู้ เป็นประชากรผึ้งที่ถูกสร้างขึ้นในช่วงฤดูผสมพันธุ์เท่านั้น อายุขัยประมาณ 4-6 สัปดาห์ เป็นผึ้งไม่มีเหล็กไน มีลิ้นสั้นสำหรับเลียรับอาหารจากผึ้งงาน ไม่ออกหาอาหารหรือออกหาน้ำหวานจากเกสรดอกไม้ป่าและจะทำหน้าที่เพียงอย่างเดียว คือ คอยผสมพันธุ์กับผึ้งนางพญา พฤติกรรมผสมพันธุ์ ในวันที่อุณหภูมิเหมาะสม ผึ้งตัวผู้จะผสมพันธุ์กับผึ้งนางพญา หลังจากผสมพันธุ์ผึ้งตัวผู้จะตกตาย โดยยังค้างอวัยวะสืบพันธุ์ติดอยู่กับผึ้งนางพญา หากหมดฤดูผสมพันธุ์ ถ้าผึ้งตัวผู้ตัวใดไม่ได้ผสมพันธุ์ก็จะถูกไล่ออกจากรังหรือผึ้งงานไม่ป้อนอาหารและตายในที่สุด

3. ผึ้งงาน (Worker) ผึ้งงาน เป็นผึ้งเพศเมียที่เป็นหมัน หรือเกิดจากไข่ที่ได้รับการผสมจากผึ้งตัวผู้ แต่เป็นเพศเมียที่ไม่สมบูรณ์เพศเนื่องจากรังไข่ฝ่อ มีอายุขัยประมาณ 6-8 สัปดาห์ เป็นผึ้งที่มีขนาดเล็กที่สุดใน 3 วรรณะมีหน้าที่ออกหาอาหาร หาน้ำหวานจากธรรมชาติหรือจากการเลี้ยง เช่น จากเกสรดอกลำไย ดอกสาบเสื้อ และดอกไม้ป่า ทำหน้าที่สร้างรังหรือรวงผึ้งจากไขที่ผลิตจากต่อม คอยเลียทำความสะอาดนางพญาและรัง ทำหน้าที่่ป้อนอาหารให้แก่ผึ้งนางพญา และผึ้งตัวผู้ ปัจจุบันน้ำหวานหรือผลผลิตที่ได้จากผึ้ง เช่น เกสรผึ้ง ไขผึ้ง นมผึ้งสด รวงผึ้ง ล้วนเป็นเป็นประโยชน์ทั้งต่อสุขภาพและความงาม รวมไปถึงการเลี้ยงผึ้งที่นอกจากเป็นการสร้างรายได้จากการขายน้ำผึ้ง ยังช่วยเพิ่มผลผลิตทางการเกษตร เนื่องจากผึ้งเป็นแมลงที่ช่วยผสมเกสรของพืชได้ดีที่สุด

ผลิตภัณฑ์จากผึ้ง

สินค้าหมดแล้ว

น้ำผึ้งแท้ 100%

ไขผึ้ง ขนาด 1000 กก.

฿300