สูตรรักษาแผลเป็นด้วยน้ำผึ้งแท้ วิธีธรรมชาติที่ใช้ได้จริง

สูตรรักษาแผลเป็นด้วยน้ำผึ้งแท้ วิธีธรรมชาติที่ใช้ได้จริง

คุณเคยรู้หรือไม่ว่าน้ำผึ้งที่มีอยู่ในครัวบ้านของคุณไม่ได้เป็นแค่ของหวานอร่อย แต่ยังเป็นยาสมานแผลชั้นเยี่ยมที่แพทย์ทั่วโลกให้การยอมรับ มีงานวิจัยจากโรงพยาบาลรามาธิบดียืนยันว่าน้ำผึ้งสามารถรักษาแผลผ่าตัดหน้าท้องได้ผลเป็นอย่างดี

น้ำผึ้งแท้จากธรรมชาติที่ผลิตในประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็นน้ำผึ้งดอกลำใยหรือน้ำผึ้งดอกสาบเสือ ล้วนมีคุณสมบัติพิเศษในการรักษาแผลที่ดีเยี่ยม เพราะสภาพอากาศของเมืองไทยเหมาะสมกับการเลี้ยงผึ้ง ทำให้ได้น้ำผึ้งคุณภาพสูงที่เก็บไว้ได้นานโดยไม่เสีย

ทีมงานสุวรรณฟาร์มจะพาคุณมาทำความรู้จักกับศาสตร์การใช้น้ำผึ้งรักษาแผลอย่างถูกวิธี พร้อมสูตรจากภูมิปัญญาไทยที่ใช้ได้จริง

วิทยาศาสตร์เบื้องหลังการรักษาแผลด้วยน้ำผึ้ง

วิทยาศาสตร์เบื้องหลังการรักษาแผลด้วยน้ำผึ้ง

เคยสงสัยไหมครับว่า ทำไมภูมิปัญญาโบราณตั้งแต่สมัยอียิปต์ถึงเลือกใช้ “น้ำผึ้ง” ในการรักษาแผล? คำตอบไม่ได้อยู่ที่ความเชื่อ แต่อยู่ใน “วิทยาศาสตร์” สุดมหัศจรรย์ที่ซ่อนอยู่ในน้ำผึ้งทุกหยด วันนี้เราจะมาไขความลับนั้นกันครับ

เปิดตัวทีมฮีโร่: 3 สารสำคัญในน้ำผึ้งที่ช่วยสมานแผล

ในน้ำผึ้งมี “ทีมฮีโร่” ที่ทำงานร่วมกันเพื่อซ่อมแซมบาดแผลของเราอย่างมีประสิทธิภาพ

1. ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ (Hydrogen Peroxide): นักฆ่าเชื้อโรคสายอ่อนโยน

น้ำผึ้งเปรียบเสมือนโรงงานผลิตยาฆ่าเชื้อโรคตามธรรมชาติขนาดจิ๋ว มันสามารถสร้างสาร ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ ในปริมาณที่พอเหมาะ ซึ่งจะค่อยๆ ถูกปลดปล่อยออกมาเมื่อสัมผัสกับแผล ทำหน้าที่เหมือนหน่วยพยาบาลที่คอย ทำความสะอาดแผลอย่างนุ่มนวล ฆ่าเชื้อแบคทีเรีย แต่ไม่ทำร้ายเนื้อเยื่อดีๆ รอบข้าง

2. สังกะสี (Zinc): วิศวกรซ่อมแซมผิว

สังกะสีคือแร่ธาตุสำคัญที่ทำหน้าที่เป็น “วิศวกร” เร่งกระบวนการซ่อมแซมผิว โดยจะสั่งการให้ร่างกายสร้างคอลลาเจนและเซลล์ผิวใหม่ได้เร็วขึ้น ผลลัพธ์ก็คือ แผลจะสมานตัวไวขึ้นอย่างเห็นได้ชัด (เร็วขึ้นถึง 30-50%!) และยังช่วยลดโอกาสการเกิดแผลเป็นนูน (คีลอยด์) ได้อีกด้วย

3. วิตามินอี (Vitamin E): ผู้พิทักษ์ความชุ่มชื้นและลดรอยแผล

วิตามินอีทำหน้าที่เป็น “ผู้พิทักษ์” ที่คอยต่อสู้กับสารอนุมูลอิสระ ช่วยลดการอักเสบ และที่สำคัญคือช่วย ป้องกันการเกิดแผลเป็นที่แข็งและมีสีเข้ม นอกจากนี้ยังช่วยกักเก็บความชุ่มชื้นให้ผิวรอบๆ แผลมีความยืดหยุ่น ไม่แห้งตึง ทำให้แผลฟื้นตัวได้ดียิ่งขึ้น

เบื้องหลังพลังวิเศษ: 2 กลไกหลักที่ทำให้น้ำผึ้งเหนือกว่า

เคยสงสัยไหมว่าทำไมน้ำผึ้งถึงถูกใช้เป็นยารักษาแผลมาตั้งแต่สมัยโบราณ? คำตอบไม่ได้อยู่ในเวทมนตร์ แต่อยู่ใน “พลังทางวิทยาศาสตร์” 2 ข้อ ที่ซ่อนอยู่ในความหวานของมันครับ

กลไกที่ 1. พลังดูดน้ำมหาศาล (Osmosis) – ทำให้เชื้อโรค “ขาดน้ำตาย”

น้ำผึ้งก็คือ “น้ำเชื่อมที่เข้มข้นสุดๆ” ซึ่งความเข้มข้นนี้เองคืออาวุธสำคัญ

  • หลักการทำงาน: มันทำงานเหมือนการทำ “ผลไม้แช่อิ่ม” เลยครับ ลองนึกภาพตามนะครับ เมื่อเราแช่ชิ้นผลไม้ลงในน้ำเชื่อมเข้มข้น น้ำจากในเนื้อผลไม้จะถูกดูดออกมาจนผลไม้เริ่มเหี่ยว
  • เมื่อใช้กับแผล: สถานการณ์เดียวกันเกิดขึ้นกับเชื้อโรค! เมื่อเราทาแผลด้วยน้ำผึ้ง ด้วยความเข้มข้นที่สูงกว่ามาก น้ำผึ้งจะเริ่ม “ดูด” ของเหลวและความชื้นออกจากตัวเชื้อโรคทันที
  • ผลลัพธ์: เมื่อถูกดูดน้ำออกไป เชื้อโรคจะเหี่ยวแห้ง ฝ่อ และตายไปในที่สุด นี่คือการฆ่าเชื้อตามธรรมชาติ 100% โดยไม่ต้องพึ่งสารเคมีรุนแรงเลยแม้แต่น้อย

กลไกที่ 2. เกราะป้องกันกรดอ่อน (Low pH) – สร้างสภาวะที่เชื้อโรคเกลียด

รสเปรี้ยวจางๆ ในน้ำผึ้งไม่ใช่แค่เรื่องของรสชาติ แต่มันคือ “อาวุธลับ” อีกอย่างหนึ่ง

  • หลักการทำงาน: น้ำผึ้งมีความเป็น “กรดอ่อนๆ” (มีค่า pH ประมาณ 3.2-4.5) ซึ่งเป็นสภาพแวดล้อมที่เชื้อโรคส่วนใหญ่ทนไม่ได้และไม่สามารถเจริญเติบโตได้
  • เมื่อใช้กับแผล: ความเป็นกรดนี้จะทำหน้าที่เหมือน “เกราะป้องกัน” หรือ “สนามพลัง” คลุมแผลเอาไว้ ทำให้เชื้อโรคใหม่ๆ ไม่สามารถบุกรุกเข้ามาได้
  • ข้อดีเสริมสุดว้าว
    • แผลหายเร็วขึ้น: สภาพกรดอ่อนช่วยกระตุ้นให้ร่างกายส่งออกซิเจนไปยังบริเวณแผลได้ดีขึ้น
    • ลดกลิ่นเหม็น: ช่วยยับยั้งแบคทีเรียที่ทำให้เกิดกลิ่นไม่พึงประสงค์ในแผลติดเชื้อ

สรุปง่ายๆ ก็คือ

น้ำผึ้งใช้กลยุทธ์ “ดูดน้ำให้อดตาย” และ “สร้างเกราะป้องกัน” เพื่อจัดการกับเชื้อโรคอย่างมีประสิทธิภาพ นี่คือเหตุผลที่ทำให้น้ำผึ้งเป็นมากกว่าของหวาน แต่เป็น “ยาจากธรรมชาติ” ที่น่าทึ่งและทรงพลังอย่างแท้จริงครับ

5 สูตรน้ำผึ้งรักษาแผลที่ใช้ได้จริง

5 สูตรน้ำผึ้งรักษาแผลที่ใช้ได้จริง

ลืมยาสามัญประจำบ้านแบบเดิมๆ ไปก่อน เพราะในครัวของคุณมี “สุดยอดโอสถ” จากธรรมชาติซ่อนอยู่ นั่นก็คือ “น้ำผึ้ง” ที่ไม่ใช่แค่ให้ความหวาน แต่ยังเป็นนักสมานแผลชั้นยอด วันนี้ทีมงานสุวรรณฟาร์มจะมาเผย 5 สูตรเด็ดที่เปลี่ยนน้ำผึ้งธรรมดาให้กลายเป็นยารักษาแผลที่ใช้ได้ผลจริง!

สูตรที่ 1. น้ำผึ้งเพียวๆ (The Classic) – ง่ายแต่ทรงพลัง

วิธีที่ง่ายและคลาสสิกที่สุด แค่ใช้น้ำผึ้งแท้ๆ ก็เอาอยู่!

  • เหมาะกับแผลแบบไหน?: แผลสด, แผลถลอก, มีดบาด, แผลไฟไหม้เล็กน้อย (ระดับ 1-2)
  • วิธีใช้ (4 ขั้นตอนง่ายๆ)
    1. ล้างแผล: ใช้น้ำสะอาดหรือน้ำเกลือล้างแผลเบาๆ (ห้ามใช้แอลกอฮอล์ราดบนแผลโดยตรงนะ!)
    2. ซับให้แห้ง: ใช้ผ้าก๊อซสะอาดซับเบาๆ จนแผลแห้งสนิท
    3. ทาน้ำผึ้ง: โปะน้ำผึ้งลงบนแผลให้หนาสักหน่อย (ประมาณ 2-3 มม.)
    4. ปิดแผล: ปิดทับด้วยผ้าก๊อซสะอาด เปลี่ยนแผลวันละ 1-2 ครั้ง
  • เคล็ดลับจากสุวรรณฟาร์ม: ถ้าแผลอยู่ตรงข้อพับที่ขยับบ่อยๆ ให้ทาน้ำผึ้งหนาขึ้นอีกนิดและใช้พลาสเตอร์แบบยืดหยุ่น จะช่วยให้ติดทนขึ้น

สูตรที่ 2. น้ำผึ้ง + ขมิ้นชัน – คู่หูลดรอยแผลเป็น

ภูมิปัญญาไทยที่ช่วยให้แผลหายไว แถมยังลดรอยดำได้อยู่หมัด

  • เหมาะกับแผลแบบไหน?: แผลที่กลัวเป็นรอยดำ, รอยสิวอักเสบ, แผลถลอก
  • ส่วนผสม
    1. น้ำผึ้งแท้ 2 ช้อนโต๊ะ
    2. ผงขมิ้นชัน 1 ช้อนชา
  • วิธีใช้
    1. ผสมน้ำผึ้งกับขมิ้นให้เป็นเนื้อเดียวกัน
    2. ทำความสะอาดแผลแล้วซับให้แห้ง
    3. ทาส่วนผสมลงบนแผล ทิ้งไว้ 15-30 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำอุ่น
    4. ทำวันละ 2 ครั้ง เช้า-เย็น
  • ข้อควรระวัง: ขมิ้นอาจทิ้งคราบเหลืองไว้บนผิว แต่จะจางไปเองใน 1-2 วัน และอย่าลืมทดสอบการแพ้ที่ท้องแขนก่อนใช้นะครับ

สูตรที่ 3. น้ำผึ้ง + ว่านหางจระเข้ – เจลเย็นสู้แผลไฟไหม้

เจลสูตรเย็นฉ่ำ ช่วยบรรเทาอาการแสบร้อนจากแผลไฟไหม้และน้ำร้อนลวกได้ดีเยี่ยม

  • เหมาะกับแผลแบบไหน?: แผลไฟไหม้, น้ำร้อนลวก, ผิวไหม้แดด
  • ส่วนผสม
    1. เจลว่านหางจระเข้สด 3 ช้อนโต๊ะ
    2. น้ำผึ้งแท้ 1 ช้อนโต๊ะ
  • วิธีใช้
    1. ผสมทั้งสองอย่างให้เข้ากันจนเป็นเนื้อเจล
    2. สิ่งสำคัญ: ล้างแผลด้วยน้ำเย็น (ที่ไม่ใช่น้ำแข็ง) ประมาณ 10-15 นาที เพื่อลดความร้อนสะสม
    3. ซับแผลเบาๆ แล้วทาเจลสูตรนี้ให้ทั่วและหนาหน่อย
    4. ช่วง 24 ชั่วโมงแรก ควรทาซ้ำบ่อยๆ (ทุก 3-4 ชั่วโมง) จะช่วยลดการพุพองได้ดี
  • เคล็ดลับจากสุวรรณฟาร์ม: เก็บเจลนี้ไว้ในตู้เย็น ความเย็นจะช่วยบรรเทาอาการแสบร้อนได้ดีขึ้นมาก!

สูตรที่ 4. น้ำผึ้ง + มะนาว + เกลือ – สูตรจัดการแผลมีหนอง (สำหรับผู้กล้า!)

สูตรโบราณสำหรับทำความสะอาดแผลติดเชื้อ อาจจะแสบหน่อย แต่ช่วยให้แผลสะอาดขึ้นจริง

  • เหมาะกับแผลแบบไหน?: แผลที่มีหนอง, แผลติดเชื้อ (ไม่รุนแรง), แผลเปื่อย
  • ส่วนผสม
    1. น้ำผึ้งแท้ 2 ช้อนโต๊ะ
    2. น้ำมะนาวสด ½ ช้อนชา
    3. เกลือละเอียด 1 หยิบมือ
  • วิธีใช้
    1. ผสมทุกอย่างให้เข้ากัน
    2. เช็ดหนองออกจากแผลให้สะอาดที่สุดก่อน
    3. ใช้สำลีชุบส่วนผสมแล้วทาลงบนแผล (อาจจะแสบเล็กน้อย!)
    4. ทิ้งไว้ 10-15 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด
    5. ทำวันละ 1 ครั้งพอ ติดต่อกันไม่เกิน 3-5 วัน
  • คำเตือนสำคัญ: ห้ามใช้กับแผลสดเด็ดขาด! และถ้าแผลติดเชื้อรุนแรง มีไข้ หรือบวมแดงมาก ให้รีบไปพบแพทย์ทันที

สูตรที่ 5. น้ำผึ้ง + มะขามเปียก – สูตรอ่อนโยนสำหรับเด็กและผิวแพ้ง่าย

สูตรที่อ่อนโยนที่สุด เหมาะสำหรับผิวบอบบางของเด็กและผู้สูงอายุ

  • เหมาะกับแผลแบบไหน?: แผลถลอกเล็กๆ น้อยๆ ในเด็ก, ผู้ที่มีผิวแพ้ง่าย
  • ส่วนผสม
    1. น้ำผึ้งแท้ 2 ช้อนโต๊ะ
    2. เนื้อมะขามเปียก (ไม่มีเมล็ด) 1 ช้อนโต๊ะ
  • วิธีใช้
    1. ขยำมะขามเปียกกับน้ำผึ้งให้เข้ากัน อาจกรองเอาใยเหนียวๆ ออก
    2. ทำความสะอาดแผล แล้วใช้สำลีชุบส่วนผสมซับเบาๆ
    3. ทิ้งไว้ 20-30 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำอุ่น
    4. สูตรนี้อ่อนโยน สามารถทำได้วันละ 1-2 ครั้ง
  • ข้อควรระวัง: สูตรนี้ปลอดภัยสำหรับเด็กอายุ 2 ขวบขึ้นไป แต่ควรสังเกตอาการแพ้เสมอหลังใช้ครั้งแรกนะครับ

5 ขั้นตอนง่ายๆ ในการใช้ “น้ำผึ้ง” รักษาแผลสดอย่างถูกวิธี

น้ำผึ้งเป็นของดีจากธรรมชาติที่ช่วยให้แผลหายเร็วขึ้น แต่การใช้อย่างถูกวิธีก็สำคัญไม่แพ้กัน มาดู 5 ขั้นตอนง่ายๆ ที่จะช่วยให้คุณดูแลแผลได้อย่างปลอดภัยและได้ผลดีที่สุดกันครับ

ขั้นตอนที่ 1: เช็กแผลก่อน! แผลแบบไหนใช้น้ำผึ้งได้?

ก่อนจะหยิบน้ำผึ้งมาทา ต้องดูแผลของเราก่อนว่าเหมาะหรือไม่

แผลที่ใช้ได้ (ดูแลเองได้)

  • แผลสด แผลถลอกเล็กน้อย
  • แผลไฟไหม้ น้ำร้อนลวกที่ไม่รุนแรง (ระดับ 1-2)
  • แผลเปื่อยตื้นๆ

แผลที่ควรไปหาหมอทันที

  • แผลที่เลือดไหลไม่หยุด
  • แผลลึกมากจนเห็นกระดูก
  • แผลจากสัตว์กัด (เสี่ยงติดเชื้อ)
  • แผลที่มีเศษแก้วหรือสิ่งสกปรกฝังอยู่
  • แผลที่เริ่มบวม แดงร้อน หรือมีไข้ (สัญญาณติดเชื้อ)

คำแนะนำจากสุวรรณฟาร์ม: “ถ้าไม่แน่ใจว่าแผลรุนแรงแค่ไหน อย่าลังเลที่จะไปพบแพทย์นะครับ ปลอดภัยไว้ก่อนดีที่สุด”

ขั้นตอนที่ 2: ล้างแผลให้สะอาด คือหัวใจสำคัญ

ความสะอาดคือด่านแรกที่จะป้องกันการติดเชื้อ

  1. ล้างด้วยน้ำสะอาด: เปิดให้น้ำสะอาดไหลผ่านแผลประมาณ 5-10 นาที
  2. ใช้สบู่อ่อนๆ (ถ้าจำเป็น): หากแผลสกปรกมาก ให้ใช้สบู่อ่อนๆ ล้าง “รอบๆ” แผล อย่าให้สบู่โดนแผลโดยตรง
  3. ซับให้แห้ง: ใช้ผ้าก๊อซสะอาดซับเบาๆ จนแห้ง ห้ามใช้สำลีหรือทิชชู่ เพราะใยเล็กๆ อาจติดเข้าไปในแผลได้

ขั้นตอนที่ 3: ทาน้ำผึ้งให้ถูกวิธี

ขั้นตอนที่ 3: ทาน้ำผึ้งให้ถูกวิธี

เมื่อแผลสะอาดและแห้งดีแล้ว ก็ถึงเวลาของพระเอกของเรา

  • วิธีทา: ใช้ไม้พันสำลีที่สะอาด หรือปลายนิ้วที่ล้างสะอาดแล้ว (ถ้าสวมถุงมือได้จะดีมาก) ตักน้ำผึ้งแล้วทาลงบนแผลให้ทั่ว
  • ความหนาที่พอดี: ทาหนาประมาณ 2-3 มิลลิเมตร (เปรียบเทียบง่ายๆ คือหนาประมาณเหรียญบาทก็พอ) ไม่ต้องทาหนาจนเยิ้ม

เคล็ดลับจากสุวรรณฟาร์ม: “ถ้าเป็นแผลถลอกเล็กๆ อาจไม่ต้องปิดแผลก็ได้ครับ แต่ถ้าเป็นแผลใหญ่หรืออยู่ตรงข้อพับที่ขยับบ่อย ควรปิดทับด้วยผ้าก๊อซจะดีกว่า”

ขั้นตอนที่ 4: ปิดแผลอย่างเหมาะสม

ขั้นตอนที่ 4: ปิดแผลอย่างเหมาะสม

การปิดแผลที่ดีจะช่วยป้องกันเชื้อโรค แต่ก็ต้องให้อากาศถ่ายเทได้

  • ใช้ผ้าก๊อซสะอาด: ปิดทับแผลที่ทาน้ำผึ้งไว้ แล้วยึดด้วยเทปแต่งแผล
  • อย่าพันแน่นเกินไป: ควรปิดให้พอดีๆ ไม่รัดแน่นจนเกินไป เพื่อให้อากาศถ่ายเทได้บ้าง ซึ่งจะช่วยให้แผลไม่แฉะ
  • แผลบริเวณข้อต่อ: อาจใช้ผ้าพันแผลชนิดยืดหยุ่น หรือพลาสเตอร์กันน้ำ เพื่อช่วยให้ผ้าปิดแผลไม่หลุดง่ายเวลาเคลื่อนไหว

ขั้นตอนที่ 5: เปลี่ยนแผลสม่ำเสมอ (และต้องล้างทุกครั้ง!)

นี่คือขั้นตอนที่หลายคนมักพลาด!

  • ช่วง 3-5 วันแรก: หากแผลยังสดหรือมีน้ำเหลืองเยอะ ควรเปลี่ยนแผลวันละ 2 ครั้ง (เช้า-เย็น)
  • เมื่อแผลเริ่มแห้ง: ลดเหลือวันละ 1 ครั้งก็เพียงพอ
  • สิ่งที่สำคัญที่สุด: ต้องล้างแผลด้วยน้ำสะอาดทุกครั้ง ก่อนที่จะทาน้ำผึ้งรอบใหม่ เพื่อล้างคราบน้ำผึ้งเก่าและสิ่งสกปรกออกไปก่อน

สุวรรณฟาร์มขอย้ำ: “การล้างแผลเก่าก่อนทารอบใหม่สำคัญมากนะครับ ถ้าเราทาทับของเก่าไปเรื่อยๆ อาจทำให้เกิดการหมักหมมและติดเชื้อได้ ต้องล้างให้สะอาดทุกครั้งนะครับ”

คำถามที่พบบ่อย (FAQ)

น้ำผึ้งรักษาแผลได้จริงหรือ?

ได้จริง มีงานวิจัยจากหลายโรงพยาบาลในประเทศไทยและต่างประเทศยืนยัน โดยเฉพาะจากโรงพยาบาลรามาธิบดีที่พิสูจน์ว่าน้ำผึ้งรักษาแผลผ่าตัดได้ผลดี น้ำผึ้งมีสารไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์และแร่ธาตุสังกะสีที่ช่วยฆ่าเชื้อและสมานแผล

แต่ต้องเป็นน้ำผึ้งแท้ 100% ที่มีคุณภาพดี และใช้กับแผลที่เหมาะสม ไม่ใช่แผลทุกประเภท

ใช้น้ำผึ้งทาแผลแล้วต้องล้างออกหรือไม่?

ไม่ต้องล้างออกทันที ทิ้งไว้จนกว่าจะถึงเวลาเปลี่ยนผ้าพันแผลในมื้อถัดไป น้ำผึ้งจะค่อยๆ ซึมเข้าผิวและทำงาน การล้างออกทันทีจะทำให้ประสิทธิภาพลดลง

เมื่อถึงเวลาเปลี่ยนแผล จึงค่อยล้างน้ำผึ้งเก่าออกด้วยน้ำสะอาด เช็ดให้แห้ง แล้วทาน้ำผึ้งใหม่

ทาน้ำผึ้งบ่อยแค่ไหน?

ทาวันละ 1-2 ครั้ง ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของแผล แผลสดใหม่หรือมีน้ำเหลืองไหลเยอะ ควรทาวันละ 2 ครั้ง เช้าและเย็น เมื่อแผลเริ่มแห้งและดีขึ้น ลดเหลือวันละ 1 ครั้งก็เพียงพอ

ทีมงานสุวรรณฟาร์มแนะนำว่าไม่ต้องทาบ่อยเกินไป เพราะการเปิดแผลบ่อยอาจทำให้แผลหายช้า

น้ำผึ้งทาแผลแล้วแสบไหม?

โดยปกติน้ำผึ้งบริสุทธิ์ไม่แสบ บางคนอาจรู้สึกเย็นชาๆ สบายๆ หรือรู้สึกเจ็บลดลง แต่ถ้าใช้น้ำผึ้งผสมน้ำมะนาวหรือเกลือ อาจจะแสบเล็กน้อย ซึ่งเป็นเรื่องปกติ

ถ้าแสบมากผิดปกติ แดง บวม หรือคัน อาจเป็นอาการแพ้ ให้หยุดใช้และล้างออกทันที

ใช้น้ำผึ้งกับแผลเย็บได้ไหม?

ได้ แต่ต้องรอให้แพทย์เย็บแผลเรียบร้อยและให้คำแนะนำก่อน บางครั้งแพทย์อาจแนะนำให้รอ 1-2 วันก่อนเริ่มใช้น้ำผึ้ง ห้ามใช้กับแผลที่ยังมีเลือดออก

งานวิจัยพบว่าน้ำผึ้งช่วยให้แผลเย็บสมานเร็วขึ้นและลดโอกาสติดเชื้อ แต่ต้องทำภายใต้คำแนะนำของแพทย์

น้ำผึ้งหมดอายุใช้ทาแผลได้ไหม?

ถ้าเป็นน้ำผึ้งแท้ 100% จริงๆ น้ำผึ้งไม่มีวันหมดอายุ เก็บไว้นานเท่าไหร่ก็ยังใช้ได้ แต่ต้องเก็บในภาชนะปิดมิดชิด ไม่ให้ความชื้นเข้า

ถ้าน้ำผึ้งมีกลิ่นเหม็นหมัก มีฟอง หรือมีราขึ้น แสดงว่าเสียแล้ว ไม่ควรใช้ทาแผล น้ำผึ้งที่ตกผลึกยังใช้ได้ อุ่นให้ละลายก่อนใช้

เด็กเล็กใช้น้ำผึ้งทาแผลได้ไหม?

เด็กอายุ 1 ปีขึ้นไป ใช้ได้ แต่ควรเริ่มจากแผลเล็กๆ และดูอาการแพ้ก่อน เด็กทารกอายุต่ำกว่า 1 ปี ห้ามใช้น้ำผึ้งทั้งทาและกิน เนื่องจากความเสี่ยงของเชื้อโบทูลิสซึม

สำหรับเด็กเล็ก ทีมงานสุวรรณฟาร์มแนะนำให้ใช้น้ำผึ้งผสมมะขาม (สูตรที่ 5) ที่อ่อนโยนกว่า

ทาน้ำผึ้งแล้วแผลจะหายเร็วขึ้นจริงไหม?

จริง งานวิจัยพบว่าแผลที่ได้รับการรักษาด้วยน้ำผึ้งจะหายเร็วกว่าแผลที่ไม่ได้รับการรักษาหรือรักษาด้วยวิธีธรรมดา โดยเฉลี่ยแผลจะหายเร็วขึ้น 30-50%

สาเหตุเพราะน้ำผึ้งมีสังกะสีที่กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน มีสารต้านอนุมูลอิสระที่ลดการอักเสบ และช่วยให้แผลไม่ติดเชื้อ ทำให้กระบวนการสมานแผลเป็นไปได้ราบรื่น

ผลิตภัณฑ์จากผึ้ง

฿250
฿160
฿85
สินค้าหมดแล้ว

น้ำผึ้งแท้ 100%

ไขผึ้ง ขนาด 1000 กก.

฿300