ไขผึ้งคืออะไร มาคลายข้อสงสัยพร้อมเคล็ดลับการเลือกใช้

ไขผึ้งคืออะไร? มาคลายข้อสงสัยพร้อมเคล็ดลับการเลือกใช้

สำหรับนักท่องเที่ยวที่กำลังมองหาของฝากสุดพิเศษ หรือผู้ประกอบการร้านอาหารและคาเฟ่ที่ต้องการวัตถุดิบคุณภาพเยี่ยม การทำความเข้าใจเกี่ยวกับ “ไขผึ้ง” จะช่วยให้คุณเลือกซื้อและนำไปใช้งานได้อย่างเหมาะสมที่สุด

ไขผึ้งคืออะไร? เข้าใจให้ชัดก่อนใช้งาน

ไขผึ้งคืออะไร เข้าใจให้ชัดก่อนใช้งาน

ไขผึ้ง (Beeswax) คือสารธรรมชาติที่มีคุณสมบัติเป็นไข ผลิตจากต่อมไขของผึ้งงาน โดยเฉพาะผึ้งงานตัวเต็มวัยอายุประมาณ 2 สัปดาห์ จะมีต่อมไขเจริญเต็มที่และสามารถผลิตไขผึ้งได้มากที่สุด

ผึ้งแต่ละตัวมีต่อมไข 4 คู่ ซ่อนอยู่ใต้ปล้องท้องด้านล่าง เมื่อผึ้งผลิตไขออกมา จะอยู่ในรูปแบบเกล็ดบางๆ สีขาวใส บริสุทธิ์คล้ายนมสด ผึ้งจะใช้ขาคู่หลังเกี่ยวเกล็ดไข ส่งผ่านไปยังขาคู่หน้า แล้วป้อนเข้ากราม จากนั้นเคี้ยวและขึ้นรูปเป็นรวงผึ้งที่เราเห็น

ประวัติศาสตร์การใช้ไขผึ้ง จากอารยธรรมโบราณสู่ยุคสมัยใหม่

ประวัติศาสตร์การใช้ไขผึ้ง จากอารยธรรมโบราณสู่ยุคสมัยใหม่

การใช้ไขผึ้งมีประวัติยาวนานกว่า 8,000 ปี โดยพบหลักฐานการใช้งานตั้งแต่ยุคอียิปต์โบราณ ชาวอียิปต์ใช้ไขผึ้งในกระบวนการทำมัมมี่ เพื่อเคลือบและป้องกันการเน่าเสียของร่างกาย นอกจากนี้ยังใช้ในการทำเครื่องสำอางสำหรับฟาโรห์และชนชั้นสูง

ในยุคกรีกและโรมัน ไขผึ้งถูกนำมาใช้ทำแท็บเล็ตเขียนหนังสือ ปิดผนึกจดหมายสำคัญ และใช้เป็นวัตถุดิบในการทำรูปปั้น ชาวจีนโบราณใช้ไขผึ้งในการแพทย์แผนโบราณมากว่า 2,000 ปี โดยบันทึกไว้ในตำราแพทย์แผนจีนหลายเล่ม

ในประเทศไทย บรรพบุรุษของเราใช้ไขผึ้งในการทำยาแผนโบราณ เทียนไหว้พระ และงานหัตถกรรมต่างๆ จนกลายเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมไทยมาช้านาน

ข้อเท็จจริงน่ารู้ ผึ้งต้องใช้แรงเท่าไหร่ในการผลิตไขผึ้ง?

การผลิตไขผึ้ง 1 กิโลกรัม ผึ้งต้องใช้เกล็ดไขถึง 800,000 เกล็ด และต้องบริโภคน้ำหวานถึง 8.4 กิโลกรัม นั่นหมายความว่าผึ้งต้องออกไปหาอาหารและทำงานหนักมาก เพื่อให้ได้ไขผึ้งเพียงเล็กน้อย

นี่คือเหตุผลว่าทำไมไขผึ้งจึงมีค่าและควรถูกนำมาใช้ประโยชน์อย่างคุ้มค่า ไม่ว่าจะเป็นในการทำผลิตภัณฑ์ความงาม การแพทย์ หรือแม้แต่ในธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม

องค์ประกอบทางเคมีของไขผึ้ง ทำไมถึงมีคุณสมบัติพิเศษ

ไขผึ้งประกอบด้วยสารต่างๆ มากกว่า 300 ชนิด ซึ่งส่วนประกอบหลักได้แก่

  1. เอสเทอร์ (Esters) 70-75% – ให้คุณสมบัติการเกาะติดและความยืดหยุ่น เหมาะสำหรับเครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์ดูแลผิว
  2. กรดไขมันอิสระ (Free Fatty Acids) 12-15% – ช่วยบำรุงและปกป้องผิว มีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระ
  3. แอลกอฮอล์โซ่ยาว (Long-chain Alcohols) 10-12% – ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นและป้องกันการระเหยของน้ำ
  4. ไฮโดรคาร์บอน (Hydrocarbons) 10-15% – ทำให้ไขผึ้งมีความคงตัวและทนทานต่อการเปลี่ยนแปลง

นอกจากนี้ยังมีวิตามิน A ซึ่งช่วยบำรุงผิว และสารต้านแบคทีเรียธรรมชาติที่ช่วยยืดอายุผลิตภัณฑ์

คุณสมบัติพิเศษของไขผึ้งที่ควรรู้

1. จุดหลอมเหลวที่เหมาะสม

ไขผึ้งมีจุดหลอมเหลวอยู่ที่ 63-65 องศาเซลเซียส เหมาะสำหรับการนำไปแปรรูป แต่ต้องระวังไม่ให้ความร้อนสูงเกินไป เพราะอาจติดไฟได้ วิธีที่ปลอดภัยที่สุดคือนึ่งหรือใช้ความร้อนจากไอน้ำ

2. การหดตัวในอุณหภูมิต่ำ

เมื่ออุณหภูมิลดลงเหลือ 5 องศาเซลเซียส ไขผึ้งจะหดตัวและปริมาตรลดลงถึง 15% ทำให้เปราะและแตกง่าย นี่คือสิ่งที่ผู้ประกอบการต้องคำนึงถึงในการจัดเก็บ

3. การละลายในน้ำมัน ไม่ละลายในน้ำ

ไขผึ้งบริสุทธิ์จะละลายได้ดีในน้ำมัน เช่น น้ำมันสน แต่ไม่ละลายในน้ำ หากนำไปต้มในน้ำ จะลอยอยู่เหนือผิวน้ำ คุณสมบัตินี้ทำให้เหมาะสำหรับการเคลือบอาหารและเครื่องดื่ม

4. คุณสมบัติกันน้ำธรรมชาติ

ไขผึ้งสามารถสร้างชั้นป้องกันน้ำได้ดีเยี่ยม จึงนิยมใช้เคลือบผ้าใบ เครื่องหนัง และงานหัตถกรรมที่ต้องการความทนทานต่อความชื้น

สรรพคุณทางการแพทย์และสุขภาพของไขผึ้ง

1. คุณสมบัติต้านการอักเสบ

งานวิจัยพบว่าไขผึ้งมีสารต้านการอักเสบธรรมชาติ ช่วยลดอาการบวม แดง และระคายเคือง เหมาะสำหรับผิวแพ้ง่ายและผิวอักเสบ

2. ช่วยสมานแผลและป้องกันการติดเชื้อ

คุณสมบัติต้านแบคทีเรียของไขผึ้งทำให้สามารถใช้ดูแลแผลเล็กน้อยได้ โดยไขผึ้งจะสร้างชั้นป้องกันและช่วยให้แผลหายเร็วขึ้น

3. บรรเทาอาการระคายเคืองผิว

เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวแห้ง ผิวแตก หรือผิวหยาบกร้าน ไขผึ้งช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นและฟื้นฟูเกราะป้องกันผิว

4. คุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระ

ไขผึ้งมีวิตามิน A และสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยชะลอการเสื่อมสภาพของเซลล์ผิว ทำให้ผิวดูอ่อนเยาว์

สรรพคุณและประโยชน์ของไขผึ้ง ใช้ได้หลากหลายอุตสาหกรรม

สรรพคุณทางการแพทย์และสุขภาพของไขผึ้ง

สำหรับผู้ประกอบการร้านอาหารและคาเฟ่

  1. การเคลือบและตกแต่งอาหาร ไขผึ้งเป็นสารเคลือบธรรมชาติที่ปลอดภัย สามารถนำไปเคลือบผลไม้ ขนมอบ หรือช็อกโกแลตเพื่อให้มันวาวและช่วยรักษาความสดได้นานขึ้น หลายร้านคาเฟ่ระดับพรีเมียมใช้ไขผึ้งในการตกแต่งเมนูขนม เพื่อสร้างจุดขายที่โดดเด่น
  2. วัตถุดิบในเบเกอรี่และขนม ไขผึ้งสามารถใช้แทนส่วนผสมสังเคราะห์ในการทำขนม ช่วยให้ขนมมีเนื้อสัมผัสดีขึ้น และเพิ่มมูลค่าด้วยการเป็นส่วนผสมออร์แกนิก ซึ่งตอบโจทย์ลูกค้าที่ใส่ใจสุขภาพ
  3. เครื่องดื่มสุขภาพ บางร้านนำไขผึ้งมาใช้ในเมนูเครื่องดื่มพิเศษ หรือใช้เป็นส่วนผสมในชาสมุนไพรและเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ เพื่อเพิ่มคุณค่าและสร้างเอกลักษณ์ให้กับเมนู
  4. การห่อและบรรจุภัณฑ์เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม กระแสความใส่ใจสิ่งแวดล้อมทำให้ผ้าเคลือบไขผึ้ง (Beeswax Wrap) กลายเป็นทางเลือกแทนพลาสติก เหมาะสำหรับร้านอาหารที่ต้องการสร้างภาพลักษณ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

สำหรับนักท่องเที่ยวและผู้มองหาของฝาก

  1. ผลิตภัณฑ์ความงาม ไขผึ้งเป็นส่วนผสมหลักในผลิตภัณฑ์ดูแลผิว เช่น ลิปบาล์ม ครีมบำรุงผิว โลชั่น และสบู่น้ำผึ้ง เหมาะเป็นของฝากที่มีคุณภาพและเป็นธรรมชาติ 100%
  2. เทียนไขผึ้ง เทียนไขผึ้งเป็นของฝากยอดนิยม เพราะมีกลิ่นหอมธรรมชาติ ไม่มีสารเคมี และไม่ปล่อยควันพิษเมื่อจุด เหมาะสำหรับผู้ที่ใส่ใจสุขภาพและสิ่งแวดล้อม
  3. ผลิตภัณฑ์สุขภาพและแพทย์แผนไทย ยาหม่อง ยาขี้ผึ้ง และผลิตภัณฑ์สมุนไพรไทยมักมีไขผึ้งเป็นส่วนผสม เป็นของฝากที่ใช้งานได้จริงและมีความหมายทางวัฒนธรรม
  4. งานหัตถกรรมท้องถิ่น ผลิตภัณฑ์หัตถกรรมที่ใช้ไขผึ้ง เช่น เทียนแกะสลัก รูปปั้นขี้ผึ้ง หรือของตกแต่งบ้าน เป็นของฝากที่มีเอกลักษณ์และเป็นงานศิลปะที่สวยงาม

การแบ่งประเภทและสีของไขผึ้ง

ไขผึ้งธรรมชาติจะมีสีเหลือง เนื่องจากได้รับเกสรดอกไม้และน้ำหวานที่ผึ้งนำมา แต่หากต้องการใช้ในอุตสาหกรรมระดับสูง จะต้องผ่านกระบวนการฟอกสีจนเป็นสีขาว ซึ่งเรียกว่า “ไขผึ้งบริสุทธิ์”

  • ไขผึ้งสีเหลือง – เหมาะสำหรับงานหัตถกรรม การทำเทียน และผลิตภัณฑ์ทั่วไป มีกลิ่นหอมของน้ำผึ้งชัดเจน
  • ไขผึ้งสีขาว (บริสุทธิ์) – ผ่านการฟอกสี เหมาะสำหรับอุตสาหกรรมเครื่องสำอาง ยา และอาหาร มักมีราคาสูงกว่าเนื่องจากกระบวนการผลิตที่ซับซ้อน
  • ไขผึ้งสีน้ำตาล – เป็นไขผึ้งที่ผสมกับโพรพอลิส มีคุณสมบัติต้านเชื้อแบคทีเรียสูง เหมาะสำหรับผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ

กระบวนการผลิตและการแปรรูปไขผึ้งมาตรฐาน

กระบวนการผลิตและการแปรรูปไขผึ้งมาตรฐาน

ขั้นตอนการเก็บเกี่ยวและการแยกไขผึ้ง จะมีขั้นตอนดังต่อไปนี้

  1. การเก็บรวงผึ้ง เกษตรกรจะเก็บรวงผึ้งที่ผึ้งสร้างเสร็จแล้ว โดยเลือกรวงที่ไม่มีน้ำผึ้งหรือมีน้อย เพื่อไม่ให้เสียไขผึ้ง
  2. การแยกไขผึ้งออกจากน้ำผึ้ง นำรวงมาหั่นฝาที่ปิดหลอดรวง แล้วหมุนแยกน้ำผึ้งออก จากนั้นนำฝารวงและเศษรวงไปหลอมด้วยความร้อน
  3. การกรองและทำความสะอาด หลอมไขผึ้งในอุณหภูมิ 65-70 องศาเซลเซียส กรองเศษผึ้งและสิ่งสกปรกออก ทิ้งให้เย็นตัวลงจนแข็ง
  4. การฟอกสี (สำหรับไขผึ้งคุณภาพสูง) นำไขผึ้งไปผ่านกระบวนการฟอกสีด้วยแสงแดดหรือสารเคมีที่ปลอดภัย จนได้สีขาวตามต้องการ
  5. การขึ้นรูปและบรรจุ เทไขผึ้งลงแม่พิมพ์เป็นแท่ง แผ่น หรือเม็ด แล้วบรรจุใส่ถุงสุญญากาศเพื่อรักษาคุณภาพ

เปรียบเทียบไขผึ้งกับไขสังเคราะห์และไขพืช

เพื่อให้เห็นภาพความแตกต่างได้ชัดเจนยิ่งขึ้น ทีมงานสุวรรณฟาร์มได้สรุปการเปรียบเทียบไขผึ้งกับไขสังเคราะห์และไขพืชในรูปแบบตารางดังนี้

คุณสมบัติไขผึ้ง (Beeswax)ไขพาราฟิน (Paraffin Wax)ไขพืช (Soy Wax/Palm Wax)
แหล่งที่มาธรรมชาติ (ผลิตโดยผึ้ง)สังเคราะห์ (ผลพลอยได้จากการกลั่นน้ำมันปิโตรเลียม)ธรรมชาติ (จากถั่วเหลือง/ปาล์ม)
กลิ่นมีกลิ่นหอมธรรมชาติไม่มีกลิ่นไม่มีกลิ่น หรือมีกลิ่นอ่อนมาก
ความปลอดภัยปลอดภัยสูง ไม่มีสารพิษอาจปล่อยสารพิษเมื่อเผาไหม้ปลอดภัย เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
ราคาสูงที่สุดถูกที่สุดปานกลาง
จุดหลอมเหลว63-65°C46-68°C(แตกต่างกันตามชนิดพืช)
คุณสมบัติเด่นบำรุงผิว, ทนทานต่อความร้อนดีใช้งานได้หลากหลายในอุตสาหกรรมเผาไหม้นาน, เหมาะสำหรับมังสวิรัติ
เหมาะสำหรับผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพและความงาม, อาหารอุตสาหกรรมทั่วไป (ไม่แนะนำสำหรับสัมผัสผิว)เทียนหอม, ผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

วิธีการเก็บรักษาและยืดอายุการใช้งานไขผึ้ง

  1. เก็บในที่แห้งและเย็น อุณหภูมิที่เหมาะสมคือ 15-25 องศาเซลเซียส ห้ามเก็บในที่ร้อนจัดเพราะอาจหลอมเหลว
  2. หลีกเลี่ยงแสงแดดโดยตรง แสง UV อาจทำให้สีของไขผึ้งเปลี่ยนและคุณสมบัติเสื่อมลง ควรเก็บในภาชนะทึบแสง
  3. ใช้ภาชนะที่เหมาะสม บรรจุในถุงสุญญากาศ ขวดแก้ว หรือกล่องโลหะ ห้ามใช้พลาสติกบางชนิดที่อาจทำปฏิกิริยากับไขผึ้ง
  4. ป้องกันความชื้น แม้ไขผึ้งไม่ละลายน้ำ แต่ความชื้นสูงอาจทำให้เกิดเชื้อราที่ผิวไขผึ้ง

เคล็ดลับการเลือกซื้อไขผึ้งคุณภาพ

ตรวจสอบแหล่งที่มาและความน่าเชื่อถือ

  • เลือกซื้อจากฟาร์มผึ้งที่มีชื่อเสียง และมีใบรับรองมาตรฐาน เช่น GAP (Good Agricultural Practices) หรือ GMP (Good Manufacturing Practice) เพื่อรับประกันคุณภาพและความปลอดภัย
  • ควรขอดูเอกสารรับรองการผลิตและใบตรวจสอบคุณภาพ เพื่อความมั่นใจ

ทดสอบความบริสุทธิ์ของไขผึ้ง

  • กลิ่น: ไขผึ้งแท้จะมีกลิ่นหอมอ่อนๆ เฉพาะตัวของน้ำผึ้งและเกสรดอกไม้ หากมีกลิ่นเคมีหรือกลิ่นผิดปกติ ควรระวัง อาจมีการผสมสิ่งเจือปน
  • การทดสอบด้วยไฟ: จุดไขผึ้งเล็กน้อย ไขผึ้งแท้จะไม่มีควันดำมากเกินไปและไม่มีกลิ่นเหม็นไหม้

สังเกตเนื้อสัมผัสและสี

  • ไขผึ้งคุณภาพดีจะมีเนื้อละเอียด เนียน ไม่เป็นเม็ดหยาบ
  • สีสม่ำเสมอ และเมื่อจับจะรู้สึกนุ่มนวล ไม่เปราะหรือแข็งกระด้างจนเกินไป

ซื้อในปริมาณที่เหมาะสม

  • แม้ไขผึ้งจะเก็บรักษาได้นาน แต่ควรซื้อในปริมาณที่สัมพันธ์กับการใช้งานจริง เพื่อให้ได้ไขผึ้งที่สดใหม่และสามารถหมุนเวียนสต็อกได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • หากซื้อจำนวนมาก อย่าลืมต่อรองราคาส่งกับผู้ผลิต

ข้อควรระวังและคำเตือนในการใช้ไขผึ้ง

ข้อควรระวังด้านความปลอดภัย

  1. การใช้ความร้อน ไขผึ้งติดไฟได้เมื่อได้รับความร้อนสูงเกิน 200°C ห้ามใช้ไฟโดยตรง ควรละลายด้วยไอน้ำหรือ Double Boiler เท่านั้น
  2. ระวังแพ้ ผู้ที่แพ้น้ำผึ้ง เกสรดอกไม้ หรือผลิตภัณฑ์จากผึ้งควรทดสอบบริเวณผิวหนังเล็กๆ ก่อนใช้ หากมีอาการแดง คัน หรือบวม ให้หยุดใช้ทันที
  3. ไม่เหมาะสำหรับเด็กเล็ก ผลิตภัณฑ์ไขผึ้งบางชนิดอาจมีสารจากธรรมชาติที่ไม่เหมาะสำหรับทารกอายุต่ำกว่า 1 ปี ควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้
  4. การเก็บรักษา ห้ามเก็บไขผึ้งใกล้แหล่งความร้อนหรือไฟ เก็บในภาชนะปิดสนิทเพื่อป้องกันฝุ่นและความชื้น

ข้อควรระวังสำหรับผู้ประกอบการ

  1. ตรวจสอบมาตรฐาน หากใช้ไขผึ้งในผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางหรืออาหาร ต้องมีเอกสารรับรอง (CoA) และใบรับรอง อย. ที่ถูกต้อง
  2. ข้อมูลฉลาก ต้องระบุส่วนผสมให้ถูกต้อง ครบถ้วน หากไม่ระบุอาจผิดกฎหมายและถูกปรับ
  3. การแปรรูป ต้องทำในสถานที่ที่สะอาดถูกสุขลักษณะ มีอุปกรณ์เหมาะสม และผู้ปฏิบัติงานต้องมีความรู้

คำถามที่พบบ่อย (FAQ)

Q: ไขผึ้งกับขี้ผึ้งต่างกันอย่างไร? A: ไขผึ้งคือสารที่ผึ้งผลิตจากต่อมไขในร่างกาย ส่วนขี้ผึ้งคือผลิตภัณฑ์ยาแผนโบราณที่ทำจากไขผึ้งผสมกับสมุนไพรต่างๆ เช่น บอระเพ็ด ขมิ้น ไพล เพื่อใช้เป็นยาทาแก้ปวดเมื่อย

Q: ไขผึ้งทานได้หรือไม่? A: ไขผึ้งทานได้และปลอดภัย แต่ร่างกายจะไม่ย่อยและขับออกมาทั้งหมด จึงมักใช้เป็นสารเคลือบอาหารมากกว่าทานโดยตรง FDA รับรองว่าปลอดภัยสำหรับการบริโภค

Q: ไขผึ้งเก็บได้นานแค่ไหน? A: หากเก็บในที่แห้ง เย็น ไม่ถูกแสงแดด ไขผึ้งสามารถเก็บได้หลายปีโดยไม่เสื่อมคุณภาพ มีกรณีพบไขผึ้งในอียิปต์โบราณอายุหลายพันปียังคงใช้งานได้

Q: ราคาไขผึ้งอยู่ที่เท่าไหร่? A: ขึ้นอยู่กับคุณภาพและปริมาณ โดยทั่วไปไขผึ้งเหลืองธรรมชาติอยู่ที่ 300-500 บาทต่อกิโลกรัม ส่วนไขผึ้งบริสุทธิ์สีขาวอยู่ที่ 500-800 บาทต่อกิโลกรัม สำหรับขายส่ง

Q: ไขผึ้งใช้ทาผิวโดยตรงได้ไหม? A: ได้ แต่ควรละลายผสมกับน้ำมันหรือเนยอื่นๆ เพราะไขผึ้งล้วนๆ จะแข็งและไม่ซึมผิว ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวส่วนใหญ่ใช้ไขผึ้งประมาณ 10-30% ผสมกับส่วนผสมอื่น

Q: แพ้น้ำผึ้งจะใช้ไขผึ้งได้ไหม? A: ผู้ที่แพ้น้ำผึ้งอาจแพ้ไขผึ้งด้วยได้ เพราะอาจมีเกสรดอกไม้หรือโปรตีนจากผึ้งปนอยู่ ควรทดสอบบริเวณเล็กๆ ก่อน หรือปรึกษาแพทย์

Q: ไขผึ้งหมดอายุไหม? A: ไขผึ้งดิบไม่มีวันหมดอายุหากเก็บถูกวิธี แต่ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมอื่น เช่น ครีม สบู่ จะมีอายุ 1-3 ปี ขึ้นอยู่กับส่วนผสมและการเก็บรักษา

Q: จะแยกไขผึ้งแท้กับไขผึ้งปลอมได้อย่างไร? A: ไขผึ้งแท้จะมีกลิ่นหอมอ่อนๆ ของน้ำผึ้ง เมื่อจุดไฟจะไม่มีควันดำหรือกลิ่นเหม็น ไขผึ้งปลอมมักผสมพาราฟินซึ่งมีควันดำและกลิ่นเคมีเมื่อเผา นอกจากนี้ไขผึ้งแท้จะแข็งตัวช้ากว่าและมีน้ำหนักเบากว่าพาราฟินQ: ทำไมไขผึ้งบางก้อนมีสีขุ่นๆ? A: เป็นปรากฏการณ์ปกติที่เรียกว่า “Bloom” เกิดจากไขผึ้งถูกความเย็นจนส่วนประกอบบางอย่างลอยขึ้นมาผิว ไม่ได้เสื่อมคุณภาพ เพียงเช็ดด้วยผ้าหรืออุ่นเบาๆ ก็จะกลับมาใสเหมือนเดิม

ผลิตภัณฑ์จากผึ้ง

฿250
฿160
฿85
สินค้าหมดแล้ว

น้ำผึ้งแท้ 100%

ไขผึ้ง ขนาด 1000 กก.

฿300