ไม่ว่าคุณจะเป็นเชฟมืออาชีพ ผู้ประกอบการร้านอาหารและคาเฟ่ที่ต้องการสร้างเมนูโดดเด่น หรือนักท่องเที่ยวที่กำลังมองหาวัตถุดิบคุณภาพเพื่อนำกลับไปทำอาหารที่บ้าน วันนี้ทีมงานสุวรรณฟาร์มจะพาคุณค้นพบ 10 ข้อดีสุดปังของการใช้น้ำผึ้งทำอาหาร พร้อมเคล็ดลับการนำไปใช้ให้ได้ประโยชน์สูงสุด
ทำไมเชฟระดับโลกถึงเลือกใช้น้ำผึ้งในการปรุงอาหาร?
น้ำผึ้งไม่ใช่แค่วัตถุดิบธรรมดา แต่คือ “ส่วนผสมวิเศษ” ที่ช่วยเปลี่ยนอาหารทั่วไปให้กลายเป็นผลงานชิ้นเอกที่ทั้งอร่อยและดีต่อสุขภาพ ด้วยคุณสมบัติพิเศษที่ไม่มีในน้ำตาลหรือสารให้ความหวานอื่นๆ น้ำผึ้งจึงกลายเป็นตัวเลือกอันดับ 1 ของเชฟชั้นนำทั่วโลก
จากการสำรวจร้านอาหารชั้นนำ พบว่ามากกว่า 70% ของร้านอาหารระดับ Fine Dining ใช้น้ำผึ้งเป็นส่วนผสมหลักในเมนูขายดี เพราะน้ำผึ้งช่วยสร้างความแตกต่างและเอกลักษณ์ให้กับอาหารได้อย่างชัดเจน
10 ข้อดีของการใช้น้ำผึ้งทำอาหารที่คุณต้องรู้

1. สร้างรสชาติกลมกล่อมระดับพรีเมียม – ความลับของอาหารระดับมิชลินสตาร์
น้ำผึ้งมีความพิเศษที่ให้ความหวานแบบหลายมิติ ไม่เหมือนน้ำตาลทั่วไปที่ให้แค่ความหวานเดียว รสชาติของน้ำผึ้งมีทั้งความหวานนุ่ม กลิ่นหอมจากดอกไม้ และความซับซ้อนที่เพิ่มความน่าสนใจให้กับอาหาร
เมื่อนำน้ำผึ้งมาใช้ในการปรุงอาหาร จะได้รสชาติที่กลมกล่อม ไม่หวานเลี่ยน และไม่แทงลิ้นเหมือนน้ำตาล ความหวานของน้ำผึ้งจะซึมเข้าไปในเนื้อสัมผัสของอาหารอย่างลงตัว ทำให้ทุกคำที่กินรู้สึกถึงความสมดุลที่สมบูรณ์แบบ
ตัวอย่างการใช้งาน
- Honey Glazed Salmon – ทาบนปลาแซลมอนย่าง ได้เนื้อสัมผัสเงางามและรสชาติหวานเค็มลงตัว
- Honey Soy Chicken Wings – ปีกไก่ทอดราดซอสน้ำผึ้ง หวานมันเข้ากันสุดๆ
- Honey Butter Toast – ขนมปังปิ้งทาเนยน้ำผึ้ง เมนูฮิตของคาเฟ่ดัง
ทีมงานสุวรรณฟาร์มแนะนำให้ใช้น้ำผึ้งดอกลำไยสำหรับอาหารที่ต้องการความหอมละมุน หรือน้ำผึ้งดอกสาบเสือสำหรับเมนูที่ต้องการรสชาติเข้มข้นกว่า
2. ปลอดภัยต่อระดับน้ำตาลในเลือด – ตัวเลือกที่ดีกว่าสำหรับสุขภาพ

หนึ่งในความกังวลใจของผู้บริโภคยุคใหม่คือปริมาณน้ำตาลในอาหาร น้ำตาลทั่วไปทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดพุ่งสูงอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคเบาหวาน โรคหัวใจ และโรคความดันโลหิตสูง
แต่น้ำผึ้งมีความแตกต่าง การวิจัยทางการแพทย์พบว่า น้ำผึ้งมีดัชนีน้ำตาล (Glycemic Index) ต่ำกว่าน้ำตาลทั่วไป ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดไม่พุ่งสูงอย่างรวดเร็ว และในบางกรณียังช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดได้อีกด้วย
น้ำผึ้งประกอบด้วยน้ำตาลโมเลกุลเดี่ยว (กลูโคสและฟรุกโตส) ที่ร่างกายย่อยและดูดซึมได้ง่ายกว่าน้ำตาลทั่วไป ไม่ทำให้ตับอ่อนต้องทำงานหนักในการผลิตอินซูลิน ดังนั้นจึงเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำหนักและดูแลสุขภาพ
ประโยชน์สำหรับธุรกิจ
- ดึงดูดกลุ่มลูกค้าสายสุขภาพที่มีกำลังซื้อสูง
- สามารถขายเมนูในราคาพรีเมียมได้
- สร้างภาพลักษณ์ว่าร้านใส่ใจสุขภาพลูกค้า
ทีมงานสุวรรณฟาร์มเห็นร้านอาหารหลายร้านที่เพิ่ม “Honey-Sweetened” หรือ “Natural Honey” ลงในชื่อเมนู พบว่ายอดขายเพิ่มขึ้น 30-50% เลยทีเดียว
3. ไม่เป็นสาเหตุของฟันผุ – ปลอดภัยแม้แต่เด็กเล็ก
นี่คือข้อดีที่หลายคนยังไม่รู้! น้ำตาลทั่วไปเป็นแหล่งอาหารหลักของแบคทีเรียในช่องปาก ทำให้เกิดกระบวนการหมักหมมที่สร้างกดที่กัดกร่อนเคลือบฟัน สุดท้ายกลายเป็นฟันผุและโรคเหงือกอักเสบ
แต่น้ำผึ้งมีคุณสมบัติพิเศษที่ไม่เหมือนน้ำตาล เพราะน้ำผึ้งมีสารฆ่าเชื้อแบคทีเรียตามธรรมชาติ (Antimicrobial Properties) ที่ช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรียในช่องปาก แทนที่จะเป็นอาหารเลี้ยงแบคทีเรีย น้ำผึ้งกลับช่วยฆ่าเชื้อโรคได้อีกต่างหาก
การศึกษาทางทันตกรรมพบว่า ผู้ที่ดื่มน้ำผึ้งเป็นประจำมีปัญหาฟันผุน้อยกว่าผู้ที่ทานน้ำตาลทั่วไป นอกจากนี้น้ำผึ้งยังช่วยบำรุงเหงือกและลดอาการอักเสบในช่องปากได้อีกด้วย
เหมาะสำหรับ
- เมนูอาหารเด็ก (อายุเกิน 1 ปีขึ้นไป)
- ร้านอาหารครอบครัว
- ขนมและเบเกอรี่สำหรับเด็ก
4. ใช้ปริมาณน้อยก็หวานได้ – ประหยัดต้นทุนและลดแคลอรี่
น้ำผึ้งมีความหวานมากกว่าน้ำตาลทั่วไปถึง 1.5 เท่า หมายความว่าถ้าสูตรอาหารเดิมต้องใช้น้ำตาล 100 กรัม เราสามารถใช้น้ำผึ้งเพียง 60-70 กรัมก็ได้ความหวานเท่ากันแล้ว
ข้อดีที่ได้
- ลดต้นทุน – แม้น้ำผึ้งจะราคาสูงกว่าน้ำตาล แต่ใช้น้อยกว่า จึงไม่ได้แพงขึ้นมากนัก
- ลดแคลอรี่ – ใช้น้อยกว่าแปลว่าได้แคลอรี่น้อยกว่า เหมาะสำหรับเมนูเพื่อสุขภาพ
- เก็บได้นาน – น้ำผึ้งไม่เสีย ไม่บูด สามารถเก็บไว้ใช้ได้นานหลายปี
ตัวอย่างการคำนวณ
- สูตรเดิม: น้ำตาล 100 กรัม (ราคา 5 บาท)
- สูตรใหม่: น้ำผึ้ง 65 กรัม (ราคา 13-18 บาท)
- เพิ่มต้นทุนเพียง 8-13 บาท แต่ขายได้ราคาสูงขึ้น 20-30 บาท
- กำไรเพิ่มขึ้น 10-20 บาทต่อจาน
ทีมงานสุวรรณฟาร์มมีร้านค้าพาร์ทเนอร์หลายร้านที่ใช้น้ำผึ้งในเมนูหลัก พบว่าแม้ต้นทุนเพิ่มขึ้นเล็กน้อย แต่กำไรโดยรวมเพิ่มขึ้นเพราะขายได้ราคาสูงขึ้นและมีลูกค้าเพิ่มมากขึ้น
5. เพิ่มความชุ่มชื้นและความนุ่ม – เคล็ดลับของเบเกอรี่ชั้นนำ

น้ำผึ้งมีคุณสมบัติดูดความชื้นจากอากาศ (Hygroscopic) ทำให้อาหารที่ใช้น้ำผึ้งในการทำจะมีความชุ่มชื้นและความนุ่มนานขึ้น โดยเฉพาะเบเกอรี่และขนม
ผลลัพธ์ที่ได้
- เค้ก – นุ่มชุ่มชื้น ไม่แห้งแข็ง เก็บไว้หลายวันยังคงความนุ่ม
- คุกกี้ – กรอบนอกนุ่มใน มีความชุ่มชื้นพอดี
- ขนมปัง – ฟูนุ่ม เก็บไว้ 2-3 วันยังคงความสดใหม่
- มัฟฟิน – ชุ่มชื้นทั่วทั้งชิ้น ไม่แห้งหรือแข็ง
เมนูยอดนิยมที่ใช้น้ำผึ้ง
- Honey Cake (เค้กน้ำผึ้ง)
- Honey Butter Croissant
- Honey Oat Cookies
- Honey Glazed Donuts
- Honey Cornbread
เชฟเบเกอรี่ชั้นนำหลายคนบอกว่า การเปลี่ยนจากน้ำตาลมาใช้น้ำผึ้ง ทำให้ผลงานของพวกเขาอายุยืนขึ้นและได้รับคำชมมากขึ้น ลูกค้ามักพูดว่า “นุ่มและชุ่มชื้นมากกว่าที่อื่น”
6. เพิ่มสีสันสวยงามและเนื้อสัมผัสเป็นมัน – ความลับของอาหารที่สวยน่าทาน
น้ำผึ้งช่วยให้อาหารมีสีน้ำตาลทอง (Golden Brown) ที่สวยงามเมื่อย่างหรืออบ เรียกว่า Maillard Reaction ซึ่งเกิดจากการทำปฏิกิริยาระหว่างน้ำตาลและโปรตีนในอาหาร
ผลลัพธ์
- อาหารย่าง – ได้สีเงางาม น่ารับประทาน เหมาะถ่ายรูปโพสต์โซเชียล
- เนื้อสัมผัส – เกิดเคลือบเงาบางๆ ดูน่าทาน มีความเป็นมันพอดี
- กลิ่นหอม – น้ำผึ้งคาราเมลไลซ์ได้ดี ให้กลิ่นหอมหวานน่าสนใจ
เมนูที่ได้ประโยชน์มากที่สุด
- BBQ Ribs with Honey Glaze
- Honey Roasted Duck
- Honey Mustard Pork Chops
- Honey Glazed Ham
- Teriyaki Chicken with Honey
ในยุคที่ “ถ่ายรูปก่อนกิน” เป็นเรื่องปกติ การมีอาหารที่สวยงามเป็นปัจจัยสำคัญในการโปรโมทร้าน น้ำผึ้งช่วยให้อาหารของคุณ Instagram-worthy และทำให้ลูกค้าอยากแชร์ต่อ
7. เก็บรักษาและยืดอายุอาหาร – ลดความสูญเสียและเพิ่มกำไร
น้ำผึ้งมีคุณสมบัติต้านจุลินทรีย์ตามธรรมชาติ ช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรียและเชื้อรา ทำให้อาหารที่ใช้น้ำผึ้งปรุงมีอายุการเก็บรักษานานขึ้น
ประโยชน์สำหรับธุรกิจ
- ลดของเสีย – อาหารเก็บได้นานขึ้น ไม่ต้องทิ้งบ่อย
- เพิ่มความคุ้มค่า – ผลิตได้มากขึ้น เก็บไว้ขายได้นาน
- เหมาะสำหรับของฝาก – นักท่องเที่ยวสามารถซื้อกลับบ้านได้โดยไม่กังวลว่าจะเสีย
ตัวอย่างอาหารที่เก็บได้นาน
- Honey Preserved Lemon (เก็บได้ 1-2 เดือน)
- Honey Mustard Sauce (เก็บได้ 3-6 เดือน)
- Honey Granola (เก็บได้ 1-2 เดือน)
- Honey Cake (เก็บได้ 1 สัปดาห์)
สำหรับผู้ประกอบการที่ต้องการขยายธุรกิจเป็นของฝาก น้ำผึ้งคือส่วนผสมที่เหมาะสมที่สุดเพราะช่วยยืดอายุผลิตภัณฑ์โดยไม่ต้องใช้สารกันเสีย
8. เพิ่มมูลค่าและราคาขาย – กลยุทธ์เพิ่มกำไร
เมื่อร้านอาหารหรือคาเฟ่ใช้น้ำผึ้งแท้ในการปรุงอาหาร สามารถใช้เป็นจุดขายและขายในราคาที่สูงขึ้นได้ เพราะลูกค้ายอมจ่ายเพิ่มสำหรับอาหารที่ดีต่อสุขภาพและมีคุณภาพสูง
กลยุทธ์การตั้งราคา
- เมนูธรรมดา: 60 บาท
- เมนู “Honey-Sweetened”: 75-80 บาท (+25% premium)
- เมนู “Premium Honey Glaze”: 90-100 บาท (+50% premium)
วิธีการสื่อสารกับลูกค้า
- ระบุในเมนูว่า “ใช้น้ำผึ้งแท้จากฟาร์ม”
- เน้นว่า “ไม่มีน้ำตาลเติม”
- เขียนว่า “Natural Honey Sweetened”
- ติดป้าย “Healthy Choice”
ทีมงานสุวรรณฟาร์มพบว่าร้านที่ระบุชัดเจนว่าใช้น้ำผึ้งแท้ สามารถขายได้ราคาสูงขึ้น 20-50% และยังได้รับรีวิวดีมากขึ้นอีกด้วย
9. ดึงดูดกลุ่มลูกค้าใหม่ – กลุ่มคนสายสุขภาพและมิลเลนเนียล

ในยุคที่คนใส่ใจสุขภาพมากขึ้น กลุ่มลูกค้าที่มีกำลังซื้อสูงมักจะเลือกร้านอาหารที่ใส่ใจเรื่องวัตถุดิบธรรมชาติ การใช้น้ำผึ้งในอาหารช่วยดึงดูดกลุ่มลูกค้าเหล่านี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
กลุ่มลูกค้าเป้าหมาย
- Millennials และ Gen Z – ชอบอาหารสุขภาพและ Instagram-worthy
- คนวัยทำงาน – มีกำลังซื้อสูง ใส่ใจสุขภาพ
- ครอบครัวที่มีเด็ก – ต้องการอาหารปลอดภัยสำหรับลูก
- นักท่องเที่ยว – มองหาประสบการณ์อาหารที่เป็นเอกลักษณ์
- ผู้สูงอายุ – ต้องการอาหารที่ดีต่อสุขภาพ
วิธีการตลาด
- โพสต์รูปอาหารสวยๆ พร้อมเน้นว่าใช้น้ำผึ้งแท้
- สร้างเมนู “Healthy Menu” หรือ “Wellness Menu”
- ร่วมมือกับ Influencer สายสุขภาพ
- เล่าเรื่องราวความเป็นมาของน้ำผึ้งจากฟาร์ม
10. สร้างความแตกต่างและเอกลักษณ์ – Brand Differentiation
ในตลาดที่มีการแข่งขันสูง การมีจุดขายที่แตกต่างคือกุญแจสู่ความสำเร็จ การใช้น้ำผึ้งแท้คุณภาพสูงในการปรุงอาหารช่วยสร้างเอกลักษณ์ที่โดดเด่นและจดจำได้ง่าย
วิธีสร้าง Brand Story
- “เราใช้น้ำผึ้งแท้ 100% จากสุวรรณฟาร์ม”
- “ส่วนผสมจากธรรมชาติ ไม่มีสารเคมี”
- “รสชาติที่ไม่เหมือนใคร เพราะเราใช้น้ำผึ้งดอกลำไยแท้”
- “สุขภาพดี รสชาติเยี่ยม ในทุกเมนู”
ตัวอย่างร้านที่ประสบความสำเร็จ
- คาเฟ่ที่ขายแต่เครื่องดื่มที่ใช้น้ำผึ้งแทนน้ำตาล
- ร้านอาหารที่มี “Honey Collection Menu”
- ร้านเบเกอรี่ที่ขายแต่ขนมที่ทำจากน้ำผึ้ง
ทีมงานสุวรรณฟาร์มเชื่อว่า ในอีก 5-10 ปีข้างหน้า ร้านอาหารที่ใช้วัตถุดิบธรรมชาติและใส่ใจสุขภาพลูกค้าจะเติบโตและอยู่รอดได้ดีกว่าร้านที่ยังใช้วัตถุดิบทั่วไป
เคล็ดลับการเลือกซื้อน้ำผึ้งแท้สำหรับการทำอาหาร
น้ำผึ้งเป็นวัตถุดิบที่ช่วยเพิ่มความหอมหวานและคุณค่าทางอาหารให้กับเมนูต่างๆ แต่การเลือกน้ำผึ้งแท้คุณภาพดีนั้นสำคัญมาก เพื่อให้ได้ประโยชน์สูงสุดและรสชาติที่อร่อยลงตัว มาดูกันว่า 5 สัญญาณของน้ำผึ้งแท้ที่คุณควรรู้มีอะไรบ้าง
1. ความข้นหนืดที่พอดี
น้ำผึ้งแท้จะมีเนื้อสัมผัสที่ข้นหนืด ไม่เหลวจนเกินไป เวลาลองเทหรือตัก น้ำผึ้งจะไหลอย่างช้าๆ และต่อเนื่อง ไม่ขาดตอน หากเป็นน้ำผึ้งปลอมมักจะเหลวและไหลเร็วคล้ายน้ำ
2. กลิ่นหอมตามธรรมชาติ
น้ำผึ้งแท้จะมีกลิ่นหอมเฉพาะตัว ซึ่งมาจากเกสรดอกไม้ที่ผึ้งไปเก็บมา กลิ่นจะแตกต่างกันไปตามชนิดของดอกไม้ เช่น น้ำผึ้งดอกลำไยจะมีกลิ่นหอมอ่อนๆ ละมุน ส่วนน้ำผึ้งจากดอกป่าหรือดอกสาบเสือจะมีกลิ่นหอมเข้มข้นกว่า หากน้ำผึ้งมีกลิ่นฉุนผิดปกติ หรือไม่มีกลิ่นเลย อาจเป็นน้ำผึ้งปลอม
3. รสชาติกลมกล่อมไม่แสบลิ้น
น้ำผึ้งแท้จะมีรสหวานนุ่มนวล ซับซ้อน ไม่ใช่แค่หวานโดดอย่างเดียว และไม่ทำให้รู้สึกแสบคอหรือแสบลิ้นเมื่อรับประทาน ในทางกลับกัน น้ำผึ้งปลอมมักจะมีความหวานจัดจ้านและอาจรู้สึกแสบลิ้น เนื่องจากมีการผสมน้ำตาลหรือสารให้ความหวานอื่นๆ
4. การตกผลึกตามธรรมชาติ
หนึ่งในสัญญาณสำคัญของน้ำผึ้งแท้คือการตกผลึก โดยเฉพาะเมื่อเก็บไว้ในอุณหภูมิที่เย็นนานๆ น้ำผึ้งจะเปลี่ยนสภาพเป็นเกล็ดหรือผลึกน้ำตาล นี่เป็นกระบวนการตามธรรมชาติและเป็นตัวบ่งชี้ว่าน้ำผึ้งนั้นบริสุทธิ์ ส่วนน้ำผึ้งที่ผ่านการแปรรูปหรือเป็นน้ำผึ้งปลอมมักจะไม่ตกผลึกง่ายๆ หรือไม่ตกผลึกเลย
5. แหล่งที่มาที่น่าเชื่อถือ
เพื่อให้มั่นใจว่าเป็นน้ำผึ้งแท้ ควรเลือกซื้อจากฟาร์มผึ้งโดยตรง หรือจากผู้จำหน่ายที่มีชื่อเสียงและน่าเชื่อถือ ร้านค้าควรมีข้อมูลแหล่งที่มาของน้ำผึ้งที่ชัดเจน อาจมีใบรับรองคุณภาพ หรือสามารถตรวจสอบย้อนกลับถึงผู้ผลิตได้ นี่คือตัวช่วยสำคัญในการการันตีว่าคุณได้น้ำผึ้งแท้แน่นอน
ลองนำเคล็ดลับเหล่านี้ไปใช้ในการเลือกซื้อน้ำผึ้งครั้งต่อไป เพื่อให้ได้น้ำผึ้งแท้คุณภาพดีที่ช่วยเพิ่มความอร่อยและคุณประโยชน์ให้กับการทำอาหารของคุณนะคะ
คำถามที่พบบ่อย (FAQs) เกี่ยวกับการใช้น้ำผึ้งทำอาหาร
น้ำผึ้งกับน้ำตาล แทนกันได้ในอัตราส่วนเท่าไหร่?
โดยทั่วไปใช้อัตราส่วน น้ำผึ้ง 2/3 : น้ำตาล 1 หรือ 65-70% ของน้ำตาล
ใช้น้ำผึ้งทำอาหารทุกเมนูได้ไหม?
ได้เกือบทุกเมนู แต่บางเมนูอาจไม่เหมาะ
น้ำผึ้งทนความร้อนแค่ไหน?
น้ำผึ้งเริ่มสูญเสียคุณค่าทางโภชนาการเมื่ออุณหภูมิเกิน 60-65°C แต่ยังคงให้ความหวานและรสชาติได้ดี
ผู้ป่วยเบาหวานทานน้ำผึ้งได้ไหม?
ทานได้แต่ต้องระวังปริมาณ น้ำผึ้งมีดัชนีน้ำตาลต่ำกว่าน้ำตาลทั่วไป แต่ยังคงมีน้ำตาลอยู่ ควรปรึกษาแพทย์ก่อนและทานในปริมาณที่เหมาะสม
เด็กเล็กทานน้ำผึ้งได้ตั้งแต่อายุเท่าไหร่?
เด็กอายุ เกิน 1 ปีขึ้นไป ถึงทานได้ เด็กอายุต่ำกว่า 1 ปี ห้ามทานเด็ดขาด เพราะอาจมีเชื้อแบคทีเรียที่อันตรายต่อทารก
น้ำผึ้งเก็บได้นานแค่ไหน?
น้ำผึ้งแท้สามารถเก็บได้ หลายปี โดยไม่เสีย ถ้าเก็บอย่างถูกวิธี (ปิดฝาสนิท เก็บที่แห้ง) แม้จะตกผลึกก็ยังทานได้ เพียงแช่ขวดในน้ำอุ่นจะละลายกลับมา
น้ำผึ้งตกผลึกแปลว่าเสียใช่ไหม?
ไม่ใช่! การตกผลึกเป็นเรื่องปกติของน้ำผึ้งแท้ กลับกลายเป็นสัญญาณว่าเป็นน้ำผึ้งแท้ด้วยซ้ำ วิธีแก้: แช่ขวดในน้ำอุ่น 40-50°C จะละลายกลับมา


ผลิตภัณฑ์จากผึ้ง
น้ำผึ้งแท้ 100%
น้ำผึ้งดอกลำไย 30 กิโลกรัม
น้ำผึ้งแท้ 100%
น้ำผึ้งดอกลำไย 7 กิโลกรัม (แกลลอน)
น้ำผึ้งแท้ 100%
น้ำผึ้งดอกสาบเสือ 7 กิโลกรัม (แกลลอน)
น้ำผึ้งดอกลำไย
น้ำผึ้งแท้ดอกลำไย 1000 กรัม ยกโหล Longan Honey 12 pcs
น้ำผึ้งแท้ 100%
น้ำผึ้งแท้ ดอกสาบเสือ 1000 กรัม
น้ำผึ้งดอกลำไย
น้ำผึ้งแท้ดอกลำไย 1000 กรัม
น้ำผึ้งดอกลำไย
น้ำผึ้งแท้ดอกลำไย 500 กรัม
น้ำผึ้งแท้ 100%
น้ำผึ้งแท้ ดอกสาบเสือ 500 กรัม
น้ำผึ้งดอกลำไย
น้ำผึ้งแท้ดอกลำไย 150 กรัม (ขายส่ง 1 โหล = 12 ขวด)
น้ำผึ้งดอกลำไย
น้ำผึ้งแท้ดอกลำไย 250 กรัม (ขายส่ง 1 โหล = 12 ขวด)
น้ำผึ้งแท้ 100%
น้ำผึ้งดอกไม้ป่าสาบเสือ 250 กรัม (ขายส่ง 1 โหล = 12 ขวด)
น้ำผึ้งดอกลำไย
น้ำผึ้งแท้ดอกลำไย 300 กรัม
น้ำผึ้งแท้ 100%
รวงผึ้งแบบเฟรม ขนาดต่อเฟรม 1.4 กก.(บรรจุในกล่อง 10 เฟรม)
น้ำผึ้งแท้ 100%
รวงผึ้งแท้ในน้ำผึ้ง 500 กรัม
น้ำผึ้งแท้ 100%
รวงผึ้งแท้ 300 กรัม จากน้ำผึ้งดอกลำไย
น้ำผึ้งแท้ 100%
กระชายขาวน้ำผึ้ง เครื่องดื่มชงสำเร็จรูป
เกสรผึ้ง
ชาเกสรผึ้งแท้ เครื่องดื่มชงสำเร็จรูป
เกสรผึ้ง
เกสรผึ้งแท้ 100% ขนาด 1000 กรัม
เกสรผึ้ง
เกสรผึ้งกระปุก 750 กรัม
น้ำผึ้งแท้ 100%
เกสรผึ้งแท้ 100% ขนาด 400 กรัม
น้ำผึ้งแท้ 100%
ไขผึ้ง ขนาด 1000 กก.
น้ำผึ้งแท้ 100%
สบู่น้ำผึ้งเสริมใยบวบ 100g. Honey Soap
น้ำผึ้งแท้ 100%
กาแฟสุขภาพ ผสมน้ำผึ้งและนมผึ้ง