ประโยชน์ของน้ำผึ้งแท้ ดื่มแล้วอ้วนหรือไม่ คำตอบที่คุณต้องรู้

ประโยชน์ของน้ำผึ้งแท้ ดื่มแล้วอ้วนหรือไม่? คำตอบที่คุณต้องรู้

“ดื่มน้ำผึ้งแล้วอ้วนไหม?” คำถามนี้เป็นข้อสงสัยอันดับหนึ่งของคนที่รักสุขภาพและกำลังควบคุมน้ำหนัก หลายคนกลัวว่าความหวานของน้ำผึ้งจะทำให้น้ำหนักเพิ่มขึ้น จึงหลีกเลี่ยงไม่กล้าดื่ม

วันนี้ทีมงานสุวรรณฟาร์มจะมาเปิดเผยความจริงเกี่ยวกับน้ำผึ้งกับน้ำหนักตัว พร้อมข้อมูลเชิงวิทยาศาสตร์ที่จะทำให้ท่านเข้าใจว่า น้ำผึ้งแท้ 100% ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด

ดื่มน้ำผึ้งแท้แล้วอ้วนจริงหรือไม่? มาดูคำตอบจากวิทยาศาสตร์

คำตอบสั้น ๆ คือ : “ไม่อ้วน!” หากดื่มในปริมาณที่เหมาะสมและเป็นน้ำผึ้งแท้ 100% เท่านั้น

ความเข้าใจผิดที่ว่า “น้ำผึ้งหวานมาก ต้องทำให้อ้วนแน่ ๆ” เป็นเรื่องที่พบได้บ่อย แต่ในความเป็นจริงแล้ว น้ำตาลในน้ำผึ้งแท้กับน้ำตาลทรายทั่วไปมีความแตกต่างกันอย่างมาก ทั้งในด้านโครงสร้างทางโมเลกุลและวิธีการที่ร่างกายนำไปใช้

ทำไมน้ำผึ้งแท้ถึงไม่ทำให้อ้วนเท่าที่คิด (เมื่อบริโภคอย่างเหมาะสม)?

  1. องค์ประกอบทางธรรมชาติที่แตกต่าง
    • น้ำผึ้งแท้: ส่วนใหญ่ประกอบด้วยน้ำตาลฟรุกโตส (ประมาณ 38%) และกลูโคส (ประมาณ 31%) ซึ่งเป็นน้ำตาลเชิงเดี่ยวที่ร่างกายดูดซึมและนำไปใช้เป็นพลังงานได้ทันที นอกจากนี้ยังมีน้ำ (ประมาณ 17%) เอนไซม์ วิตามิน แร่ธาตุ และสารต้านอนุมูลอิสระอีกมากมาย
    • น้ำตาลทราย (ซูโครส): เป็นน้ำตาลเชิงคู่ที่ประกอบด้วยกลูโคสและฟรุกโตสในปริมาณที่เท่ากัน (50:50) และไม่มีสารอาหารอื่นๆ เลย
  2. การดูดซึมและการใช้พลังงานของร่างกาย
    • ฟรุกโตสในน้ำผึ้ง: ฟรุกโตสมีค่าดัชนีน้ำตาล (Glycemic Index – GI) ต่ำกว่ากลูโคสเล็กน้อย ซึ่งหมายความว่าจะไม่ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็วเท่ากลูโคส ร่างกายจะค่อยๆ ดูดซึมและนำไปใช้เป็นพลังงานได้ยาวนานกว่า
    • สารอาหารในน้ำผึ้ง: วิตามิน แร่ธาตุ และเอนไซม์ในน้ำผึ้งช่วยให้กระบวนการเผาผลาญในร่างกายทำงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ทำให้ร่างกายสามารถนำน้ำตาลไปใช้เป็นพลังงานได้ดี ไม่สะสมเป็นไขมันส่วนเกินง่ายๆ
  3. ความหวานที่เข้มข้นกว่า
    • น้ำผึ้งมีความหวานที่เข้มข้นกว่าน้ำตาลทรายประมาณ 1.2 – 1.5 เท่า นั่นหมายความว่าคุณสามารถใช้ปริมาณน้ำผึ้งที่น้อยกว่าเพื่อได้ความหวานในระดับเดียวกัน ซึ่งช่วยลดปริมาณแคลอรี่ที่ได้รับโดยรวม
  4. ประโยชน์อื่นๆ ที่ช่วยเรื่องการควบคุมน้ำหนัก
    • ลดความอยากอาหาร: น้ำผึ้งช่วยให้รู้สึกอิ่มนานขึ้น และลดความอยากอาหารหวานที่ไม่จำเป็น
    • ช่วยการย่อยอาหาร: เอนไซม์ในน้ำผึ้งช่วยส่งเสริมระบบย่อยอาหารให้ทำงานดีขึ้น ซึ่งส่งผลดีต่อการควบคุมน้ำหนัก

ข้อควรระวัง

แม้ว่าน้ำผึ้งแท้จะมีประโยชน์และไม่ทำให้อ้วนหากบริโภคอย่างเหมาะสม แต่ “ปริมาณที่เหมาะสม” เป็นสิ่งสำคัญ การบริโภคน้ำผึ้งมากเกินไปก็ยังคงให้พลังงานส่วนเกินและอาจส่งผลต่อน้ำหนักได้เช่นกัน โดยทั่วไปแล้ว ผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้บริโภคน้ำผึ้งไม่เกิน 1-2 ช้อนโต๊ะต่อวันสำหรับผู้ใหญ่ที่ไม่ได้มีกิจกรรมทางกายมาก

ดังนั้น หากคุณเป็นคนที่ชื่นชอบน้ำผึ้งและต้องการรักษาสุขภาพหรือควบคุมน้ำหนัก การเลือกน้ำผึ้งแท้ 100% และบริโภคในปริมาณที่พอเหมาะ จะเป็นทางเลือกที่ดีกว่าน้ำตาลทรายอย่างแน่นอนครับ

เปรียบเทียบน้ำผึ้งกับน้ำตาลทราย ความแตกต่างที่คุณต้องรู้

เปรียบเทียบน้ำผึ้งกับน้ำตาลทราย ความแตกต่างที่คุณต้องรู้

การทำความเข้าใจความแตกต่างระหว่างน้ำผึ้งแท้และน้ำตาลทราย จะช่วยให้คุณเลือกใช้สารให้ความหวานได้อย่างชาญฉลาดและส่งผลดีต่อสุขภาพมากขึ้น นี่คือข้อเปรียบเทียบสำคัญที่คุณควรรู้

1. ดัชนีน้ำตาล (Glycemic Index – GI)

ดัชนีน้ำตาลคือค่าที่บ่งบอกว่าอาหารประเภทคาร์โบไฮเดรตชนิดนั้นๆ จะส่งผลให้ระดับน้ำตาลในเลือดเพิ่มขึ้นเร็วแค่ไหนหลังการบริโภค

  • น้ำผึ้งแท้: มีค่า GI อยู่ระหว่าง 55-58 (ขึ้นอยู่กับชนิดของดอกไม้ที่ผึ้งเก็บน้ำหวาน) ซึ่งจัดอยู่ในระดับ ปานกลาง
    • ความหมาย: การบริโภคน้ำผึ้งจะไม่ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็วและรุนแรงเท่ากับน้ำตาลทราย ซึ่งหมายความว่าร่างกายไม่จำเป็นต้องหลั่งอินซูลินออกมาในปริมาณมากเพื่อจัดการกับน้ำตาล ทำให้ลดโอกาสในการสะสมไขมันส่วนเกิน
  • น้ำตาลทราย (ซูโครส): มีค่า GI สูงถึง 65-70
    • ความหมาย: น้ำตาลทรายจะถูกดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือดอย่างรวดเร็ว ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดพุ่งสูงขึ้นอย่างกะทันหัน ซึ่งกระตุ้นให้ร่างกายหลั่งอินซูลินออกมาในปริมาณมาก และอาจนำไปสู่การสะสมไขมันได้ง่ายกว่า

2. แคลอรี่ต่อน้ำหนักเท่ากัน

เมื่อพิจารณาในปริมาณน้ำหนักที่เท่ากัน น้ำผึ้งจะให้แคลอรี่น้อยกว่าน้ำตาลทราย แต่ในขณะเดียวกันก็ให้ความหวานที่มากกว่า

  • น้ำผึ้งแท้ 1 ช้อนโต๊ะ (ประมาณ 20 กรัม): ให้พลังงานประมาณ 64 แคลอรี่
  • น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ (ประมาณ 20 กรัม): ให้พลังงานประมาณ 80 แคลอรี่
  • ข้อสังเกตสำคัญ: เนื่องจากน้ำผึ้งมีความหวานเข้มข้นกว่าน้ำตาลทรายประมาณ 1.2 – 1.5 เท่า คุณจึงสามารถใช้ปริมาณน้ำผึ้งที่น้อยกว่าน้ำตาลทราย เพื่อให้ได้ระดับความหวานที่ต้องการ ซึ่งจะช่วยลดปริมาณแคลอรี่ที่ได้รับโดยรวมในแต่ละครั้ง

3. สารอาหารที่มีประโยชน์

นี่คือความแตกต่างที่สำคัญที่สุดระหว่างน้ำผึ้งและน้ำตาลทราย ในด้านคุณค่าทางโภชนาการ

  • น้ำผึ้งแท้: อุดมไปด้วยสารอาหารที่มีประโยชน์มากมายตามธรรมชาติ
    • วิตามิน: เช่น วิตามินบีรวม (B1, B2, B3, B5, B6), วิตามินซี
    • แร่ธาตุ: เช่น แคลเซียม, เหล็ก, แมกนีเซียม, โพแทสเซียม, สังกะสี, ฟอสฟอรัส
    • เอนไซม์: ที่ช่วยในการย่อยอาหาร
    • สารต้านอนุมูลอิสระ: กลุ่มฟีนอลิกและฟลาโวนอยด์ ซึ่งมีคุณสมบัติช่วยปกป้องเซลล์จากความเสียหาย และเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน
    • อื่นๆ: กรดอะมิโนและสารประกอบอินทรีย์อื่นๆ กว่า 180 ชนิด
  • น้ำตาลทราย: ไม่มีสารอาหารใดๆ เลย
    • แคลอรี่เปล่า (Empty Calories): มีเพียงพลังงานจากคาร์โบไฮเดรตเท่านั้น ไม่มีวิตามิน แร่ธาตุ หรือสารอาหารใดๆ ที่จำเป็นต่อร่างกาย การบริโภคน้ำตาลทรายในปริมาณมากจึงอาจทำให้ร่างกายขาดสารอาหารที่จำเป็นได้

งานวิจัยที่พิสูจน์ น้ำผึ้งไม่ทำให้อ้วน แถมช่วยลดน้ำหนักได้

งานวิจัยที่พิสูจน์ น้ำผึ้งไม่ทำให้อ้วน แถมช่วยลดน้ำหนักได้

ความเชื่อที่ว่า “น้ำผึ้งทำให้อ้วน” อาจเป็นความเข้าใจผิดที่ทำให้หลายคนพลาดโอกาสจากประโยชน์ของน้ำผึ้งแท้ไป ในความเป็นจริง งานวิจัยทางวิทยาศาสตร์หลายชิ้นได้แสดงให้เห็นว่า น้ำผึ้งแท้ในปริมาณที่เหมาะสม ไม่เพียงแต่ไม่ทำให้อ้วน แต่ยังอาจช่วยส่งเสริมการลดน้ำหนักได้อีกด้วย

การศึกษาจาก University of California, Davis (ปี 2010)

การศึกษาที่ตีพิมพ์ในปี 2010 โดยทีมนักวิจัยจาก University of California, Davis ได้ทำการศึกษาผลกระทบของการใช้น้ำผึ้งแทนน้ำตาลทรายในอาหารประจำวัน

  • ผลการวิจัย: ผู้เข้าร่วมการทดลองที่เปลี่ยนมาใช้น้ำผึ้งแท้แทนน้ำตาลทรายในการปรุงอาหารหรือเครื่องดื่ม สามารถลดน้ำหนักได้เฉลี่ย 1.3 กิโลกรัมต่อเดือน โดยที่ไม่มีการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการบริโภคอาหารหรือการออกกำลังกายอื่นๆ อย่างมีนัยสำคัญ
  • เหตุผลที่สันนิษฐาน: นักวิจัยให้เหตุผลว่าน้ำผึ้งช่วยในการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ดีกว่าน้ำตาลทราย ทำให้ร่างกายไม่รู้สึกหิวบ่อยครั้ง และช่วยลดความอยากอาหารประเภทหวานจัดลงได้ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการลดปริมาณแคลอรี่ที่ได้รับในแต่ละวัน

การวิจัยจาก San Diego State University (ช่วงปี 2010s)

งานวิจัยอีกชิ้นหนึ่งจาก San Diego State University ได้สำรวจผลของการบริโภคน้ำผึ้งก่อนนอนต่อกระบวนการเผาผลาญไขมัน

  • ผลการวิจัย: ผู้เข้าร่วมการทดลองที่ดื่มน้ำผึ้งก่อนเข้านอน มีการเผาผลาญไขมันในร่างกายช่วงกลางคืนดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด และมีแนวโน้มน้ำหนักลดลงมากกว่ากลุ่มที่ไม่ดื่มน้ำผึ้ง
  • เหตุผลที่สันนิษฐาน: เชื่อว่าน้ำผึ้งช่วยกระตุ้นการทำงานของฮอร์โมนบางชนิดที่เกี่ยวข้องกับการเผาผลาญไขมัน รวมถึงช่วยให้ตับทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นในการขับสารพิษออกจากร่างกายในขณะที่เรานอนหลับ ซึ่งกระบวนการเหล่านี้ล้วนส่งผลดีต่อการควบคุมน้ำหนักและสุขภาพโดยรวม

ปริมาณที่เหมาะสม ดื่มเท่าไหร่ถึงจะไม่อ้วน?

ปริมาณที่เหมาะสม ดื่มเท่าไหร่ถึงจะไม่อ้วน

แม้ว่าน้ำผึ้งแท้จะมีประโยชน์และดีกว่าน้ำตาลทราย แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือ การบริโภคในปริมาณที่เหมาะสม การคิดว่า “ไม่อ้วน” แล้วดื่มอย่างไม่จำกัด อาจทำให้คุณได้รับพลังงานส่วนเกินได้เช่นกัน

นี่คือคำแนะนำเกี่ยวกับปริมาณน้ำผึ้งที่เหมาะสมสำหรับแต่ละกลุ่ม

1. สำหรับคนทั่วไป (ผู้ใหญ่สุขภาพดี)

  • ปริมาณที่แนะนำ: 2-4 ช้อนโต๊ะต่อวัน (ประมาณ 40-80 กรัม)
  • วิธีบริโภค: ควรแบ่งดื่มหลายมื้อเพื่อกระจายการรับพลังงาน เช่น:
    • ตอนเช้า: 1 ช้อนโต๊ะ ผสมกับน้ำอุ่น, ชา, กาแฟ หรือน้ำมะนาว เพื่อเริ่มต้นวันอย่างสดชื่น
    • หลังอาหารกลางวัน: 1 ช้อนโต๊ะ เพื่อช่วยย่อยอาหารหรือเป็นของหวานเบาๆ
    • ก่อนนอน: 1 ช้อนโต๊ะ ผสมน้ำอุ่น เพื่อช่วยให้ผ่อนคลายและนอนหลับสบาย
  • ข้อควรจำ: การผสมน้ำผึ้งกับเครื่องดื่มจะช่วยเจือจางความเข้มข้น ทำให้ร่างกายค่อยๆ ดูดซึมน้ำตาลได้ดีกว่าการกินน้ำผึ้งโดยตรงจากช้อน

2. สำหรับคนที่กำลังลดน้ำหนัก

  • ปริมาณที่แนะนำ: 1-2 ช้อนโต๊ะต่อวัน (ประมาณ 20-40 กรัม)
  • วิธีบริโภคที่เน้นผล
    • ตอนเช้าท้องว่าง: 1 ช้อนโต๊ะ ผสมน้ำอุ่นหรือน้ำมะนาว ช่วยกระตุ้นระบบเผาผลาญและเตรียมร่างกายสำหรับการทำงาน
    • ก่อนนอน: 1 ช้อนโต๊ะ ผสมน้ำอุ่น ช่วยควบคุมความหิวในช่วงกลางคืน และส่งเสริมการเผาผลาญไขมันขณะพักผ่อน
  • เคล็ดลับ: การใช้น้ำผึ้งแทนน้ำตาลในเครื่องดื่มหรืออาหาร จะช่วยลดแคลอรี่โดยรวมและยังได้รับประโยชน์จากน้ำผึ้ง อย่างไรก็ตาม การลดน้ำหนักต้องควบคู่กับการควบคุมอาหารโดยรวมและการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ

3. สำหรับผู้ป่วยเบาหวาน

  • คำเตือนสำคัญ: ควรปรึกษาแพทย์หรือนักโภชนาการก่อนบริโภคน้ำผึ้งเสมอ
  • หากแพทย์อนุญาต
    • ปริมาณที่แนะนำ: ไม่เกิน 1 ช้อนชาต่อวัน (ประมาณ 7 กรัม)
    • วิธีบริโภค: ควรกิน หลังอาหารทันที ไม่ควรกินตอนท้องว่าง เพื่อลดผลกระทบต่อระดับน้ำตาลในเลือดที่อาจพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว

เคล็ดลับการดื่มน้ำผึ้งเพื่อสุขภาพและไม่อ้วน

น้ำผึ้งแท้เป็นของขวัญจากธรรมชาติที่มีประโยชน์มากมาย แต่เพื่อให้ได้รับคุณค่าสูงสุดและควบคุมน้ำหนักได้ดี เรามีเคล็ดลับการดื่มน้ำผึ้งที่ถูกต้องมาฝากครับ

เคล็ดลับการดื่มน้ำผึ้งเพื่อสุขภาพและไม่อ้วน

1. ดื่มในตอนเช้าขณะท้องว่าง

  • ประโยชน์: การดื่มน้ำผึ้งผสมน้ำอุ่นในตอนเช้าเป็นวิธีที่ดีเยี่ยมในการเริ่มต้นวันใหม่ ช่วยดีท็อกซ์ร่างกาย กระตุ้นระบบขับถ่ายให้ทำงานได้ดี และเตรียมความพร้อมให้กับระบบต่างๆ ของร่างกายตลอดวัน
  • เวลาที่เหมาะสม: ควรดื่มก่อนอาหารเช้าอย่างน้อย 30 นาที เพื่อให้ร่างกายสามารถดูดซึมสารอาหารและคุณประโยชน์จากน้ำผึ้งได้อย่างเต็มที่ โดยไม่ไปรบกวนกระบวนการย่อยอาหารอื่นๆ
  • สูตรแนะนำเพื่อประสิทธิภาพสูงสุด: น้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะ + น้ำมะนาว ½ ลูก + น้ำอุ่น 1 แก้ว สูตรนี้จะช่วยเสริมวิตามินซีและเพิ่มประสิทธิภาพในการดีท็อกซ์ร่างกายได้ดียิ่งขึ้น

2. ดื่มก่อนนอน

  • ประโยชน์: การดื่มน้ำผึ้งก่อนนอนมีส่วนช่วยให้คุณนอนหลับสนิทขึ้น ร่างกายสามารถเผาผลาญไขมันในขณะที่คุณหลับได้ดีขึ้น และตื่นขึ้นมาด้วยความรู้สึกสดชื่นกระปรี้กระเปร่า
  • เวลาที่เหมาะสม: ควรดื่มประมาณ 30 นาทีถึง 1 ชั่วโมงก่อนเข้านอน
  • วิธีบริโภค: ผสมน้ำผึ้งกับน้ำอุ่น หรือนมอุ่น จะช่วยให้รู้สึกผ่อนคลายและหลับได้ง่ายขึ้น
  • ข้อควรระวัง: ห้ามดื่มน้ำผึ้งเย็น หรือผสมน้ำแข็งก่อนนอน เพราะอุณหภูมิที่เย็นอาจทำให้ร่างกายตื่นตัวและรบกวนการนอนหลับได้

3. ใช้น้ำผึ้งทดแทนน้ำตาลในเครื่องดื่มและอาหาร

3. ใช้น้ำผึ้งทดแทนน้ำตาลในเครื่องดื่มและอาหาร
  • เพื่อสุขภาพที่ดีขึ้น: หากคุณเป็นผู้ที่ชื่นชอบการดื่มชา กาแฟ หรือเครื่องดื่มอื่นๆ ที่ต้องใส่น้ำตาล ลองเปลี่ยนมาใช้น้ำผึ้งแท้แทนดูสิครับ คุณจะได้รสชาติที่หอมหวานกลมกล่อมเป็นธรรมชาติ และยังดีต่อสุขภาพมากกว่าอีกด้วย
  • ในการทำอาหารและขนม: สำหรับการทำขนมหรือประกอบอาหาร คุณสามารถใช้น้ำผึ้งแท้ทดแทนน้ำตาลได้ โดยทั่วไปแล้วควรใช้ปริมาณน้ำผึ้งน้อยกว่าน้ำตาลประมาณ 25% (เพราะน้ำผึ้งมีความหวานที่เข้มข้นกว่า)
  • สำหรับผู้ประกอบการ: การชูจุดเด่นว่าใช้ “น้ำผึ้งแท้” ในเมนูต่างๆ จะเป็นจุดขายที่แข็งแกร่ง เพราะน้ำผึ้งถือเป็น Natural Sweetener ที่ผู้บริโภคยุคใหม่ใส่ใจสุขภาพกำลังมองหา

4. ผสมกับอาหารเพื่อสุขภาพ

  • เพิ่มคุณค่า: น้ำผึ้งเข้ากันได้ดีกับอาหารเพื่อสุขภาพหลากหลายประเภท และยังช่วยเพิ่มรสชาติให้อร่อยยิ่งขึ้น
    • อาหารเช้า: ผสมโยเกิร์ตกับน้ำผึ้งและผลไม้สด เพื่อมื้อเช้าที่มีประโยชน์และอิ่มท้อง
    • ดีท็อกซ์: ปั่นสมูทตี้จากผักและผลไม้ โดยเติมน้ำผึ้งเล็กน้อยเพื่อเพิ่มรสชาติและคุณค่า
    • ผ่อนคลาย: ดื่มชาสมุนไพรอุ่นๆ ผสมน้ำผึ้งเพื่อความสดชื่นและผ่อนคลาย
  • ข้อดี: การผสมน้ำผึ้งกับอาหารที่มีไฟเบอร์สูง (เช่น ผลไม้ โยเกิร์ต) จะช่วยชะลอการดูดซึมน้ำตาลเข้าสู่กระแสเลือด ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดไม่พุ่งสูงอย่างรวดเร็ว

5. เลือกเวลาดื่มที่เหมาะสม

การเลือกเวลาดื่มน้ำผึ้งอย่างชาญฉลาดจะช่วยให้ร่างกายได้รับประโยชน์สูงสุด:

  • ช่วงเช้า (6:00-8:00 น.): ขณะท้องว่าง เพื่อดีท็อกซ์และกระตุ้นการทำงานของร่างกาย
  • หลังออกกำลังกาย: เพื่อเติมพลังงานที่สูญเสียไปอย่างรวดเร็ว
  • ช่วงบ่าย (15:00-16:00 น.): เมื่อรู้สึกเหนื่อยล้าหรือต้องการเพิ่มพลังงานและความสดชื่น
  • ก่อนนอน (21:00-22:00 น.): เพื่อส่งเสริมการนอนหลับที่ดีและผ่อนคลาย
  • ข้อควรระวัง: หลีกเลี่ยงการดื่มน้ำผึ้งหลังอาหารมื้อหนักทันที ควรรอประมาณ 1-2 ชั่วโมง เพื่อไม่ให้ไปรบกวนกระบวนการย่อยอาหารที่กำลังดำเนินอยู่

คำถามที่พบบ่อย (FAQ)

ดื่มน้ำผึ้งทุกวันอ้วนไหม?

ไม่อ้วนค่ะ หากดื่มในปริมาณที่เหมาะสม (2-4 ช้อนโต๊ะต่อวัน) และเป็นน้ำผึ้งแท้ 100% เพราะน้ำตาลในน้ำผึ้งเป็นน้ำตาลธรรมชาติที่ไม่ไปสะสมเป็นไขมันง่าย

ดื่มน้ำผึ้งก่อนนอนทำให้อ้วนไหม?

ไม่ทำให้อ้วนค่ะ การดื่มน้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะ ผสมน้ำอุ่นก่อนนอน กลับช่วยให้นอนหลับสนิท และร่างกายเผาผลาญไขมันได้ดีขึ้น

น้ำผึ้งแท้กับน้ำผึ้งปลอม ต่างกันอย่างไร?

น้ำผึ้งแท้ไม่ทำให้อ้วน แต่น้ำผึ้งปลอมที่ผสมน้ำตาลจะทำให้อ้วนได้ ต้องเลือกซื้อน้ำผึ้งจากแหล่งที่เชื่อถือได้

คนลดน้ำหนักดื่มน้ำผึ้งได้ไหม?

ดื่มได้ค่ะ แถมยังช่วยลดน้ำหนักได้ด้วย เพราะน้ำผึ้งช่วยควบคุมความหิว เพิ่มการเผาผลาญ และให้พลังงานโดยไม่สะสมเป็นไขมัน

ผู้ป่วยเบาหวานดื่มน้ำผึ้งได้ไหม?

ดื่มได้ค่ะ แต่ต้องปรึกษาแพทย์ก่อน และดื่มในปริมาณน้อย (ไม่เกิน 1 ช้อนชาต่อวัน) ดื่มหลังอาหาร ไม่ใช่ท้องว่าง

ผลิตภัณฑ์จากผึ้ง

฿250
฿160
฿85
สินค้าหมดแล้ว

น้ำผึ้งแท้ 100%

ไขผึ้ง ขนาด 1000 กก.

฿300