เกสรผึ้ง คืออะไร และมีสรรพคุณอะไรบ้าง

เกสรผึ้ง คืออะไร และมีสรรพคุณอะไรบ้าง

วันนี้ทีมงานสุวรรณฟาร์มจะพาคุณมาทำความรู้จักกับรังผึ้ง ที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูงกว่าผลิตภัณฑ์จากผึ้งชนิดอื่น ๆ พร้อมแนะนำเคล็ดลับการเลือกใช้ให้เข้ากับทุกไลฟ์สไตล์ของคุณ

เกสรผึ้ง (Bee Pollen) คืออะไร?

เกสรผึ้ง คือละอองเรณูจากเกสรตัวผู้ของดอกไม้ที่ผึ้งงานเก็บรวบรวมไว้ มีลักษณะเป็นเม็ดเล็กๆ คล้ายฝุ่นละอองที่จับตัวเป็นก้อน ผึ้งจะใช้ขาหลังที่มีตะกร้าเก็บเกสร พิเศษขนเกสรกลับมาเก็บในรัง เพื่อเป็นอาหารโปรตีนสำหรับผึ้งตัวอ่อนและผึ้งงาน

ที่น่าสนใจคือ เกสรผึ้งแต่ละเม็ดมีสีสันหลากหลาย ตั้งแต่ขาว เหลือง ส้ม น้ำตาล ไปจนถึงสีดำ ขึ้นอยู่กับชนิดของดอกไม้ที่ผึ้งไปเก็บมา การได้เกสรผึ้งหลากสีในขวดเดียวจึงหมายถึงความหลากหลายของแหล่งดอกไม้ และคุณค่าทางโภชนาการที่ครบถ้วน

สำหรับนักท่องเที่ยว : เกสรผึ้งถือเป็นของฝากพรีเมียมที่มีอายุเก็บรักษานาน น้ำหนักเบา และบรรจุในขวดแก้วสวยงาม เหมาะสำหรับเป็นของขวัญสุขภาพที่มีคุณค่า

องค์ประกอบทางโภชนาการของเกสรผึ้ง ทำไมถึงเรียกว่า “ซูเปอร์ฟู้ด”

องค์ประกอบทางโภชนาการของเกสรผึ้ง ทำไมถึงเรียกว่า “ซูเปอร์ฟู้ด”

นักโภชนาการจากทั่วโลกยกย่องให้เกสรผึ้งเป็น “อาหารที่สมบูรณ์แบบที่สุดในธรรมชาติ” เพราะมีสารอาหารครบทั้ง 5 หมู่ พร้อมวิตามิน แร่ธาตุ และเอนไซม์กว่า 250 ชนิด ในปริมาณที่เข้มข้น โดยส่วนประกอบจะมีดังต่อไปนี้

ส่วนประกอบหลักของเกสรผึ้ง

  • คาร์โบไฮเดรต 60% – ให้พลังงานแบบค่อยเป็นค่อยไป ไม่ทำให้น้ำตาลในเลือดพุ่งกระโดด
  • โปรตีน 20% – มีกรดอะมิโนครบถ้วน 22 ชนิด รวมถึงกรดอะมิโนจำเป็นทั้ง 8 ชนิดที่ร่างกายสร้างเองไม่ได้
  • ไขมัน 7% – ส่วนใหญ่เป็นไขมันดี (โอเมก้า 3 และ 6) ที่ช่วยบำรุงสมองและผิวพรรณ
  • วิตามินและเกลือแร่ 6% – โดยเฉพาะวิตามินบีรวม วิตามินซี และแร่ธาตุเหล็ก สังกะสี แมกนีเซียม
  • น้ำ 7% – ความชื้นที่พอเหมาะ ทำให้เก็บรักษาได้นาน

สำหรับผู้ประกอบการคาเฟ่ : ด้วยโปรไฟล์โภชนาการระดับพรีเมียมนี้ เกสรผึ้งจึงเหมาะเป็นวัตถุดิบสำหรับเมนู Superfood Bowl, Smoothie Bowl หรือ Healthy Beverage ที่มีมาร์จิ้นสูง

สำหรับผู้ประกอบการคาเฟ่

7 สรรพคุณเด่นของเกสรผึ้งที่พิสูจน์ได้จริง

เกสรผึ้ง (Bee Pollen) คือละอองเรณูจากดอกไม้ที่ผึ้งเก็บสะสมไว้เพื่อเป็นอาหาร ซึ่งอุดมไปด้วยสารอาหารหลากหลายชนิด เช่น วิตามิน แร่ธาตุ กรดอะมิโน เอนไซม์ และสารต้านอนุมูลอิสระ ทำให้เกสรผึ้งเป็นที่รู้จักในฐานะซูเปอร์ฟู้ดจากธรรมชาติที่มีประโยชน์ต่อร่างกายหลายด้าน

1. เพิ่มพลังงานและลดความเหนื่อยล้า

เกสรผึ้งมีคาร์โบไฮเดรต โปรตีน และวิตามินบีรวม ซึ่งมีส่วนสำคัญในการเปลี่ยนสารอาหารให้เป็นพลังงาน จึงช่วยเพิ่มความกระปรี้กระเปร่า ลดความอ่อนเพลีย และฟื้นฟูกำลังกายได้ดี เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการพลังงานเป็นพิเศษ เช่น นักกีฬา หรือผู้ที่ต้องทำงานหนัก

2. บำรุงสมองและเสริมสมาธิ

ด้วยกรดอะมิโน วิตามิน และแร่ธาตุต่างๆ เกสรผึ้งช่วยบำรุงระบบประสาทและส่งเสริมการไหลเวียนของเลือดไปยังสมอง ซึ่งอาจช่วยให้ความจำดีขึ้น เพิ่มสมาธิ และลดความเครียด ทำให้สมองทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

3. เสริมสร้างภูมิคุ้มกันร่างกาย

เสริมสร้างภูมิคุ้มกันร่างกาย

เกสรผึ้งอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ วิตามินซี และไบโอฟลาโวนอยด์ ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน ช่วยให้ร่างกายต่อสู้กับเชื้อโรคต่างๆ ได้ดีขึ้น และอาจช่วยลดอาการแพ้บางชนิดได้

4. บำรุงผิวพรรณ ชะลอวัย

สารต้านอนุมูลอิสระ วิตามิน และแร่ธาตุในเกสรผึ้งช่วยปกป้องเซลล์ผิวจากการถูกทำลายโดยอนุมูลอิสระ ส่งผลให้ผิวพรรณดูสดใส ชุ่มชื้น ลดเลือนริ้วรอย และช่วยชะลอกระบวนการเสื่อมของเซลล์ผิวตามธรรมชาติ

5. บำรุงเลือดและป้องกันภาวะโลหิตจาง

เกสรผึ้งมีธาตุเหล็ก กรดโฟลิก และวิตามินบี 12 ซึ่งเป็นสารอาหารจำเป็นในการสร้างเม็ดเลือดแดง จึงอาจมีส่วนช่วยบำรุงเลือดและป้องกันภาวะโลหิตจางได้ (สตรีมีครรภ์ควรปรึกษาแพทย์ก่อนรับประทาน)

6. บำรุงเส้นผม ลดผมร่วง

โปรตีน วิตามิน และแร่ธาตุที่พบในเกสรผึ้งมีส่วนช่วยบำรุงสุขภาพของเส้นผมและหนังศีรษะ ทำให้รากผมแข็งแรง ลดการหลุดร่วง และส่งเสริมให้เส้นผมเงางามมีสุขภาพดี

7. ช่วยระบบย่อยอาหารและดีท็อกซ์

เอนไซม์ธรรมชาติและจุลินทรีย์โปรไบโอติกบางชนิดในเกสรผึ้งสามารถช่วยสนับสนุนการทำงานของระบบย่อยอาหาร ลดปัญหาท้องผูก ท้องอืด และอาจช่วยในการกำจัดสารพิษบางส่วนออกจากร่างกาย

ข้อควรระวัง : แม้เกสรผึ้งจะมีประโยชน์มากมาย แต่บางคนอาจมีอาการแพ้ โดยเฉพาะผู้ที่มีประวัติแพ้เกสรดอกไม้ หรือผลิตภัณฑ์จากผึ้ง ควรเริ่มต้นด้วยปริมาณน้อยๆ และปรึกษาแพทย์หากมีข้อกังวล

วิธีรับประทานเกสรผึ้งอย่างไรให้ได้ประโยชน์สูงสุด

เพื่อการดูดซึมสารอาหารอย่างเต็มที่และได้รับประโยชน์สูงสุด ควรรับประทานเกสรผึ้งอย่างถูกวิธี ดังนี้

  1. รับประทานแบบสดๆ : เคี้ยวเกสรผึ้งสด 1-2 ช้อนชา ก่อนอาหารเช้าประมาณ 20-30 นาที รสชาติของเกสรผึ้งจะออกหวานมันเล็กน้อย และอาจมีรสขมติดปลายลิ้น ซึ่งเป็นรสชาติธรรมชาติของเกสรผึ้ง
  2. ผสมกับน้ำผึ้งหรือโยเกิร์ต : หากไม่คุ้นเคยกับรสชาติของเกสรผึ้ง สามารถนำเกสรผึ้ง 1 ช้อนชา ผสมกับน้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะ หรือโรยบนโยเกิร์ต เพื่อเพิ่มรสชาติให้อร่อยและรับประทานง่ายขึ้น วิธีนี้เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้น
  3. ชงเป็นชาหรือน้ำอุ่น : ชงเกสรผึ้ง 1 ช้อนชากับน้ำอุ่นประมาณ 200 มล. โดยน้ำไม่ควรร้อนจัดเกิน 40°C เพื่อคงคุณค่าของเอนไซม์ ดื่มตอนเช้าเพื่อความสดชื่น หรือดื่มก่อนนอนเพื่อช่วยให้ผ่อนคลายและหลับสบายยิ่งขึ้น

ข้อควรระวัง

  • เด็กอายุต่ำกว่า 1 ปี: ห้ามรับประทานเกสรผึ้ง เนื่องจากอาจมีความเสี่ยงต่อภาวะโบทูลิซึม ซึ่งเป็นอันตรายต่อเด็กเล็ก
  • ผู้ที่มีอาการแพ้: ผู้ที่มีประวัติแพ้เกสรดอกไม้ หรือผลิตภัณฑ์จากผึ้ง ควรปรึกษาแพทย์ก่อนรับประทาน

หากมีข้อสงสัยเพิ่มเติมเกี่ยวกับเกสรผึ้งหรือต้องการข้อมูลเฉพาะบุคคล ควรปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพ

ปริมาณที่แนะนำและข้อควรระวัง

เกสรผึ้งเป็นอาหารเสริมจากธรรมชาติที่อุดมไปด้วยสารอาหารและมีประโยชน์ต่อสุขภาพ อย่างไรก็ตาม การรับประทานควรเป็นไปตามปริมาณที่แนะนำและระมัดระวังเป็นพิเศษในบางกรณี

ปริมาณที่เหมาะสม

  • ผู้ใหญ่ : แนะนำให้รับประทานวันละ 5-10 กรัม หรือประมาณ 1-2 ช้อนชา
  • เด็กอายุ 12 ปีขึ้นไป : แนะนำให้รับประทานวันละ 3-5 กรัม หรือประมาณ 1/2 – 1 ช้อนชา
  • กรณีรับประทานในรูปแบบแคปซูล : ควรปฏิบัติตามคำแนะนำบนฉลากผลิตภัณฑ์ ซึ่งโดยทั่วไปจะอยู่ที่ 3-6 เม็ดต่อวัน

คำแนะนำจากสุวรรณฟาร์ม : เพื่อป้องกันการแพ้ ควรเริ่มรับประทานเกสรผึ้งในปริมาณน้อยๆ ก่อน (เช่น 1/4 ช้อนชา) ในวันแรก หากไม่มีอาการผิดปกติใดๆ ภายใน 24 ชั่วโมง จึงค่อยเพิ่มปริมาณการรับประทานตามปกติ

ข้อควรระวังและผู้ที่ไม่ควรรับประทาน

ห้ามรับประทานเด็ดขาด หากคุณมีอาการแพ้ดังต่อไปนี้

  • แพ้ผลิตภัณฑ์จากผึ้ง : เช่น น้ำผึ้ง, รังผึ้ง, หรือนมผึ้ง
  • แพ้ละอองเกสรดอกไม้ (Pollen Allergy) : ผู้ที่มีประวัติแพ้ละอองเกสรดอกไม้ควรหลีกเลี่ยง
  • มีประวัติแพ้รุนแรง (Anaphylaxis) : ผู้ที่เคยมีอาการแพ้อย่างรุนแรงมาก่อนไม่ควรรับประทาน

ควรปรึกษาแพทย์ก่อนรับประทาน หากคุณอยู่ในกลุ่มต่อไปนี้

  • กำลังตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร : สตรีมีครรภ์และคุณแม่ที่กำลังให้นมบุตรควรปรึกษาแพทย์เพื่อความปลอดภัย
  • รับประทานยาละลายลิ่มเลือด (เช่น Warfarin) : เกสรผึ้งอาจมีผลต่อการทำงานของยาละลายลิ่มเลือด
  • มีโรคภูมิต้านทานตนเอง (Autoimmune Disease) : ผู้ป่วยโรคภูมิต้านทานตนเองควรปรึกษาแพทย์ก่อนรับประทาน

การระมัดระวังและปฏิบัติตามคำแนะนำจะช่วยให้คุณได้รับประโยชน์จากเกสรผึ้งได้อย่างปลอดภัย

วิธีเลือกซื้อเกสรผึ้งคุณภาพดี

วิธีเลือกซื้อเกสรผึ้งคุณภาพดี

การเลือกซื้อเกสรผึ้งที่มีคุณภาพดีเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้คุณได้รับประโยชน์สูงสุดจาก “สุดยอดอาหารจากธรรมชาติ” ชนิดนี้ นี่คือ 5 ข้อที่คุณควรพิจารณาก่อนตัดสินใจซื้อ

1. สังเกตสีสันและลักษณะทางกายภาพ

เกสรผึ้งที่ดีควรมีสีสันที่หลากหลาย เช่น เหลือง ส้ม น้ำตาล และอาจมีสีอื่นๆ ปะปนกันไป ความหลากหลายของสีบ่งบอกว่าเกสรผึ้งนั้นมาจากแหล่งดอกไม้ที่แตกต่างกัน ทำให้คุณได้รับสารอาหารที่ครบถ้วนและหลากหลายยิ่งขึ้นนอกจากนี้ เม็ดเกสรควรมีลักษณะแห้งสนิท ไม่เปียกชื้น และไม่จับตัวเป็นก้อนใหญ่ หากพบว่าเกสรผึ้งมีความชื้น อาจเป็นสัญญาณของการเก็บรักษาที่ไม่เหมาะสม

2. ตรวจสอบเนื้อสัมผัส

เกสรผึ้งที่ผ่านการอบแห้งอย่างเหมาะสมจะมีเนื้อสัมผัสที่แข็งเล็กน้อย แต่สามารถบดให้แตกด้วยนิ้วมือได้ง่าย หากเกสรผึ้งเปียกหรือนุ่มมากผิดปกติ อาจเป็นสัญญาณว่ามีการเก็บรักษาที่ไม่ดีพอ ซึ่งอาจทำให้เกิดเชื้อราและเสื่อมสภาพได้ง่าย

3. ดมกลิ่นเพื่อเช็กคุณภาพ

เกสรผึ้งแท้ 100% จะมีกลิ่นหอมหวานอ่อนๆ คล้ายกลิ่นดอกไม้ตามธรรมชาติ หากมีกลิ่นอับ กลิ่นเหม็นเปรี้ยว หรือกลิ่นเหม็นรา แสดงว่าเกสรผึ้งนั้นเสื่อมคุณภาพ ไม่ควรนำมารับประทาน

4. ตรวจสอบแหล่งผลิตและใบรับรองมาตรฐาน

ควรเลือกซื้อเกสรผึ้งจากฟาร์มหรือผู้ผลิตที่มีมาตรฐานและเชื่อถือได้ ซึ่งมักจะมีใบรับรองคุณภาพต่างๆ เช่น GAP (Good Agricultural Practices), HACCP (Hazard Analysis and Critical Control Points) หรือ GMP (Good Manufacturing Practice) นอกจากนี้ ที่ฉลากสินค้าควรมีข้อมูลแหล่งที่มาของเกสรผึ้ง วิธีการเก็บรักษา และวันหมดอายุที่ระบุไว้อย่างชัดเจน

5. พิจารณาราคาที่สมเหตุสมผล

เกสรผึ้งแท้ 100% มักจะมีราคาที่ไม่ถูกมากนัก เนื่องจากกระบวนการเก็บเกี่ยวที่ต้องใช้ความละเอียดอ่อนและเวลา หากราคาถูกผิดปกติมากเกินไป อาจเป็นสัญญาณว่ามีการผสมสิ่งอื่นเจือปน หรือไม่ได้มาตรฐานตามที่ควรจะเป็น

ทีมงานสุวรรณฟาร์ม ขอรับรองว่าเกสรผึ้งของเรามาจากฟาร์มผึ้งที่ตั้งอยู่ในเขตอำเภอเพชรบูรณ์ ซึ่งอุดมไปด้วยป่าดอกไม้นานาพันธุ์และอากาศบริสุทธิ์ 

เกสรผึ้งของเราผ่านกระบวนการอบแห้งด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย เพื่อรักษาคุณค่าทางโภชนาการไว้อย่างครบถ้วน และได้รับใบรับรองที่ถูกต้องตามมาตรฐานทุกประการ คุณจึงมั่นใจได้ในคุณภาพและความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์จากสุวรรณฟาร์ม

เปรียบเทียบ เกสรผึ้ง VS ผลิตภัณฑ์จากผึ้งชนิดอื่น

เปรียบเทียบ เกสรผึ้ง VS ผลิตภัณฑ์จากผึ้งชนิดอื่น
ผลิตภัณฑ์คุณค่าเด่นเหมาะสำหรับราคาโดยประมาณ
เกสรผึ้งโปรตีน วิตามิน แร่ธาตุครบบำรุงสุขภาพรอบด้าน เพิ่มพลัง500-1,500 บาท/100g
น้ำผึ้งคาร์โบไฮเดรต สารต้านอนุมูลอิสระให้พลังงาน ช่วยเจ็บคอ200-800 บาท/500g
รังผึ้งไขผึ้ง โพรพอลิสแก้ปวดฟัน ระบบทางเดินหายใจ300-1,200 บาท/300g
นมผึ้ง (Royal Jelly)ฮอร์โมน กรดไขมันพิเศษต้านแก่ บำรุงผิว สุขภาพผู้หญิง1,500-5,000 บาท/100g

**ราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลง ควรติดต่อสอบถามทางร้านก่อนเพื่อทราบราคาในปัจจุบันครับ

คำถามที่พบบ่อย (FAQ)

เกสรผึ้งกับน้ำผึ้งต่างกันอย่างไร?

น้ำผึ้งเป็นน้ำหวานจากน้ำหวานดอกไม้ที่ผึ้งผลิต ส่วนเกสรผึ้งเป็นเกสรดอกไม้ที่ผึ้งเก็บมา เกสรผึ้งมีโปรตีน วิตามิน และแร่ธาตุสูงกว่าน้ำผึ้งมาก จึงถือเป็นอาหารเสริมที่มีประโยชน์มากกว่า

เกสรผึ้งทำให้อ้วนไหม?

ไม่ หากรับประทานในปริมาณที่แนะนำ (1-2 ช้อนชา/วัน ประมาณ 30-40 แคลอรี) เกสรผึ้งยังช่วยเผาผลาญและเพิ่มพลังงานด้วยซ้ำ แต่ไม่ควรทานมากเกินไป

เด็กกี่ขวบรับประทานเกสรผึ้งได้?

แนะนำให้เด็กอายุ 12 ปีขึ้นไปรับประทานเกสรผึ้ง โดยเริ่มจากปริมาณน้อยๆ และสังเกตอาการแพ้ เด็กอายุต่ำกว่า 1 ปีห้ามรับประทานเด็ดขาด

ผู้ที่แพ้ละอองเกสรรับประทานเกสรผึ้งได้ไหม?

ไม่ได้ เพราะเกสรผึ้งมาจากเกสรดอกไม้โดยตรง ผู้ที่มีอาการแพ้ละอองเกสร (เช่น จาม น้ำมูกไหล) ห้ามรับประทานเด็ดขาด เสี่ยงภูมิแพ้รุนแรง

รับประทานเกสรผึ้งตอนไหนดีที่สุด?

แนะนำให้รับประทานตอนเช้าก่อนอาหาร 20-30 นาที เพื่อให้ร่างกายดูดซึมได้เต็มที่ หรือก่อนนอนถ้าต้องการผ่อนคลายและหลับสนิท

เกสรผึ้งช่วยผมร่วงจริงไหม?

ช่วยได้จริง เพราะเกสรผึ้งมีโปรตีน วิตามินบี และแร่ธาตุที่บำรุงรากผม แต่ต้องรับประทานสม่ำเสมออย่างน้อย 2-3 เดือน และดูแลผมด้วยวิธีอื่นประกอบ

ผลิตภัณฑ์จากผึ้ง

฿250
฿160
฿85
สินค้าหมดแล้ว

น้ำผึ้งแท้ 100%

ไขผึ้ง ขนาด 1000 กก.

฿300