ไมเกรนเป็นอาการปวดหัวข้างเดียวที่รุนแรงและเรื้อรัง ส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยอย่างมาก การพึ่งพายาแก้ปวดเพียงอย่างเดียวอาจไม่ใช่ทางออกที่ดีที่สุดในระยะยาว เพราะเป็นเพียงการบรรเทาอาการชั่วคราวโดยไม่ได้แก้ไขสาเหตุที่แท้จริง
วันนี้ทีมงานสุวรรณฟาร์มจะพาคุณมาทำความเข้าใจเชิงลึกเกี่ยวกับการใช้น้ำผึ้งแท้เพื่อบรรเทาอาการไมเกรน พร้อมวิธีใช้ที่ถูกต้องและเคล็ดลับจากประสบการณ์จริง
ไมเกรนคืออะไร? แตกต่างจากปวดหัวธรรมดาอย่างไร?
ไมเกรนเป็นโรคปวดหัวเรื้อรังที่มีลักษณะเฉพาะคือ ปวดหัวข้างเดียว (บางครั้งปวดทั้งสองข้าง) ความปวดมักเป็นแบบเต้นตุบๆ หรือสั่นไหว รุนแรงจนรบกวนกิจวัตรประจำวัน มีอาการประกอบอื่นๆ เช่น คลื่นไส้ อาเจียน แสงสว่างแสบตา เสียงดังรบกวน
การวินิจฉัยไมเกรนต้องพบแพทย์เพื่อประเมินอาการและแยกโรค เพราะอาการปวดหัวอาจมีสาเหตุอื่นที่ร้ายแรงได้ การรักษาที่ดีควรเป็นการผสมผสานระหว่างการดูแลทางการแพทย์และการใช้วิธีธรรมชาติเสริม
สาเหตุหลักของไมเกรน
- ความเครียดและความตึงเครียดทางอารมณ์ เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ไมเกรนกำเริบ การจัดการความเครียดจึงเป็นส่วนสำคัญของการบำบัด
- การเปลี่ยนแปลงของระดับน้ำตาลในเลือด โดยเฉพาะภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ อาจกระตุ้นให้เกิดอาการไมเกรน การรักษาระดับน้ำตาลให้คงที่จึงสำคัญมาก
- ความผิดปกติของการไหลเวียนเลือดในสมอง และการอักเสบของหลอดเลือด เป็นกลไกสำคัญที่ทำให้เกิดอาการปวดหัว
- ปัจจัยจากอาหารและการใช้ชีวิต เช่น การนอนไม่เพียงพอ การขาดน้ำ การกินอาหารบางประเภทที่กระตุ้นอาการ
ทำไมน้ำผึ้งช่วยบรรเทาไมเกรนได้?

หลายคนอาจเคยได้ยินว่าน้ำผึ้งเป็นหนึ่งในตัวช่วยจากธรรมชาติที่อาจบรรเทาอาการไมเกรนได้ แม้ว่าน้ำผึ้งจะไม่ใช่ยารักษาโดยตรง แต่ก็มีคุณสมบัติหลายอย่างที่น่าสนใจซึ่งอาจช่วยลดความถี่และความรุนแรงของอาการปวดหัวไมเกรนได้ โดยอาศัยกลไกต่างๆ ดังนี้ครับ
1. ช่วยรักษาระดับน้ำตาลในเลือดให้คงที่
หนึ่งในตัวกระตุ้นไมเกรนที่พบบ่อยคือ ภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ (Hypoglycemia) เมื่อระดับน้ำตาลในเลือดตก ร่างกายจะหลั่งฮอร์โมนความเครียดออกมา ซึ่งอาจกระตุ้นให้เกิดอาการปวดหัวได้
- น้ำผึ้งทำงานอย่างไร: น้ำผึ้งประกอบด้วยน้ำตาลฟรุกโตสและกลูโคสที่ร่างกายสามารถดูดซึมไปใช้เป็นพลังงานได้ทันที การทานน้ำผึ้งเล็กน้อยจะช่วยป้องกันระดับน้ำตาลในเลือดตกฮวบ นอกจากนี้น้ำผึ้งยังมีค่าดัชนีน้ำตาล (Glycemic Index) ต่ำกว่าน้ำตาลทราย จึงทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดค่อยๆ สูงขึ้นและคงที่ยาวนานกว่า ไม่เกิดภาวะน้ำตาลพุ่งสูงแล้วตกอย่างรวดเร็ว
2. มีสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยลดการอักเสบ
การอักเสบของหลอดเลือดและระบบประสาทเป็นปัจจัยหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับอาการไมเกรน
- น้ำผึ้งทำงานอย่างไร: น้ำผึ้ง (โดยเฉพาะน้ำผึ้งสีเข้ม) อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ เช่น ฟลาโวนอยด์ (Flavonoids) และสารประกอบฟีนอลิก (Phenolic Compounds) ซึ่งมีคุณสมบัติช่วยลดการอักเสบในร่างกาย เมื่อการอักเสบโดยรวมลดลง ก็อาจส่งผลดีต่อการควบคุมอาการไมเกรนในระยะยาวได้
3. ส่งเสริมการนอนหลับอย่างมีคุณภาพ
การนอนไม่เพียงพอหรือนอนหลับไม่สนิท เป็นตัวกระตุ้นไมเกรนอันดับต้นๆ ของใครหลายคน
- น้ำผึ้งทำงานอย่างไร: เชื่อกันว่าการทานน้ำผึ้งเล็กน้อยก่อนนอน อาจช่วยกระตุ้นให้สมองหลั่ง เมลาโทนิน (Melatonin) ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ควบคุมวงจรการนอนหลับ เมื่อเรานอนหลับได้ดีขึ้นและเพียงพอ ร่างกายและระบบประสาทจะได้ฟื้นฟูเต็มที่ จึงช่วยลดโอกาสการเกิดไมเกรนในวันถัดไป
4. เป็นแหล่งของวิตามินและแร่ธาตุที่มีประโยชน์
แม้จะมีในปริมาณไม่สูงมาก แต่น้ำผึ้งก็ประกอบด้วยวิตามินและแร่ธาตุที่สำคัญต่อร่างกาย
- วิตามินบีรวม: จำเป็นต่อการทำงานของระบบประสาทและช่วยจัดการความเครียด
- แมกนีเซียมและโพแทสเซียม: มีงานวิจัยพบว่าการขาดแมกนีเซียมมีความเชื่อมโยงกับไมเกรน แร่ธาตุทั้งสองชนิดนี้มีส่วนช่วยในการผ่อนคลายของกล้ามเนื้อและหลอดเลือด รวมถึงควบคุมความดันโลหิตให้สมดุล
วิธีใช้น้ำผึ้งเพื่อบรรเทาอาการไมเกรน

สูตรพื้นฐาน: น้ำผึ้งแท้สำหรับผู้ป่วยไมเกรน
- ปริมาณที่แนะนำ: 1-2 ช้อนโต๊ะต่อวัน แบ่งดื่ม 1-2 ครั้ง เพื่อให้ร่างกายได้รับสารอาหารอย่างต่อเนื่อง
- เวลาที่เหมาะสม: ตอนเช้าหลังตื่นนอน (ท้องว่าง) และก่อนนอนประมาณ 1 ชั่วโมง เพื่อให้น้ำตาลในเลือดคงที่และช่วยให้นอนหลับดี
- วิธีดื่ม: ผสมน้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะกับน้ำอุ่น 1 แก้ว (200-250 มล.) คนให้ละลาย ดื่มทันที ไม่ควรใช้น้ำร้อนจัดเพราะจะทำลายเอนไซม์และวิตามิน
สูตรเสริม 1: น้ำผึ้งมะนาวอบอุ่น (สำหรับบรรเทาอาการปวดหัว)
ส่วนผสม
- น้ำผึ้งแท้ 1 ช้อนโต๊ะ
- น้ำมะนาวสด 1 ช้อนชา
- น้ำอุ่น 1 แก้ว
คุณประโยชน์: มะนาวมีวิตามินซีสูง ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันและลดการอักเสบ เมื่อผสมกับน้ำผึ้งจะช่วยบรรเทาอาการปวดหัวได้ดีขึ้น
วิธีดื่ม: ดื่มเมื่อเริ่มรู้สึกปวดหัว หรือดื่มเป็นประจำทุกเช้าเพื่อป้องกัน
สูตรเสริม 2: น้ำผึ้งขิงอุ่น (สำหรับไมเกรนจากความเครียด)
ส่วนผสม
- น้ำผึ้งแท้ 1-1.5 ช้อนโต๊ะ
- ขิงสดขูด 1 ช้อนชา
- น้ำอุ่น 1 แก้ว
คุณประโยชน์: ขิงมีคุณสมบัติต้านการอักเสบและช่วยผ่อนคลายความตึงเครียด เมื่อรวมกับน้ำผึ้งจะช่วยลดอาการปวดหัวจากความเครียดได้ดี
วิธีทำ: ชงขิงด้วยน้ำร้อน ทิ้งไว้ 5 นาที พอน้ำอุ่นลงค่อยผสมน้ำผึ้ง ดื่มอุ่นๆ
สูตรเสริม 3: น้ำผึ้งกับอัลมอนด์ (สำหรับป้องกันไมเกรน)
ส่วนผสม
- น้ำผึ้งแท้ 1 ช้อนโต๊ะ
- อัลมอนด์บด 1 ช้อนโต๊ะ
- นมอุ่นหรือน้ำอุ่น 1 แก้ว
คุณประโยชน์: อัลมอนด์อุดมไปด้วยแมกนีเซียมซึ่งช่วยป้องกันไมเกรน เมื่อผสมกับน้ำผึ้งจะได้เครื่องดื่มบำรุงสมองและลดความถี่ของอาการ
วิธีดื่ม: ดื่มก่อนนอนหรือเป็นอาหารว่างยามบ่าย
เลือกน้ำผึ้งชนิดไหนดีที่สุดสำหรับบรรเทาไมเกรน?
น้ำผึ้งดอกลำไย – ทางเลือกยอดนิยมสำหรับผู้ป่วยไมเกรน
น้ำผึ้งดอกลำไยมีรสชาติหวานละมุน ไม่เลี่ยน ดื่มง่าย มีวิตามินบีคอมเพล็กซ์และแร่ธาตุที่ช่วยบำรุงระบบประสาท เหมาะสำหรับผู้ที่เริ่มต้นใช้น้ำผึ้งบำบัดไมเกรน
ราคาเหมาะสม หาซื้อได้ง่าย เป็นน้ำผึ้งไทยที่มีคุณภาพสูงและได้รับความนิยมทั้งในและต่างประเทศ นักท่องเที่ยวมักซื้อเป็นของฝากเพราะคุณภาพดีและราคาไม่แพง
น้ำผึ้งดอกสาบเสือ – ตัวเลือกพรีเมียมสำหรับไมเกรนรุนแรง
น้ำผึ้งดอกสาบเสือมีสารต้านอนุมูลอิสระและแร่ธาตุสูงกว่าน้ำผึ้งชนิดอื่น มีคุณสมบัติต้านการอักเสบที่แข็งแกร่ง เหมาะสำหรับผู้ที่มีอาการไมเกรนรุนแรงหรือเรื้อรัง
รสชาติเข้มข้นกว่าเล็กน้อย สีเหลืองทองเข้ม มีกลิ่นหอมเฉพาะตัว เป็นน้ำผึ้งพื้นถิ่นไทยที่หาได้ยาก นักท่องเที่ยวที่รู้จักมักเลือกซื้อเป็นของฝากพิเศษ
เปรียบเทียบคุณสมบัติของทั้งสองน้ำผึ้ง

| คุณสมบัติ | น้ำผึ้งดอกลำไย | น้ำผึ้งดอกสาบเสือ |
| วิตามินบี | สูง | สูงมาก |
| แร่ธาตุ | ปานกลาง-สูง | สูงมาก |
| สารต้านอนุมูลอิสระ | ปานกลาง | สูง |
| รสชาติ | หวานละมุน | เข้มข้น |
| ความเหมาะสมสำหรับไมเกรน | ดีมาก | ดีเยี่ยม |
| ราคา | เหมาะสม | ค่อนข้างสูง |
ข้อควรรู้และคำแนะนำเพิ่มเติม
- เป็นเพียงตัวช่วยเสริม: น้ำผึ้งไม่ใช่ยารักษาไมเกรนโดยตรง แต่เป็นเพียงวิธีทางธรรมชาติที่อาจช่วยป้องกันตัวกระตุ้นบางอย่างได้ เช่น ภาวะน้ำตาลต่ำ หรือการนอนไม่พอ
- ปรึกษาแพทย์: หากคุณมีอาการไมเกรนรุนแรงหรือเรื้อรัง ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยและการรักษาที่เหมาะสม
- บริโภคในปริมาณที่พอเหมาะ: น้ำผึ้งยังคงเป็นน้ำตาลและให้พลังงานสูง ควรทานในปริมาณที่พอดี (ประมาณ 1-2 ช้อนชาต่อครั้ง)
- ข้อควรระวัง: ไม่ควรให้เด็กอายุต่ำกว่า 1 ขวบทานน้ำผึ้ง และผู้ที่แพ้เกสรดอกไม้ควรระมัดระวังในการบริโภค
อาหารที่ควรหลีกเลี่ยงสำหรับผู้ป่วยไมเกรน
การเลือกรับประทานอาหารเป็นหนึ่งในวิธีที่ช่วยควบคุมและป้องกันอาการปวดหัวไมเกรนได้เป็นอย่างดี อย่างไรก็ตาม อาหารที่กระตุ้นอาการในแต่ละคนอาจแตกต่างกันไป วิธีที่ดีที่สุดคือการจดบันทึกอาหาร (Food Diary) เพื่อสังเกตว่าอาหารชนิดใดที่มักทำให้อาการของคุณกำเริบ
กลุ่มอาหารที่ควรระวังหรือหลีกเลี่ยง(อาจกระตุ้นไมเกรน)
อาหารเหล่านี้เป็นตัวกระตุ้นที่พบบ่อยในผู้ป่วยหลายราย ควรลองสังเกตอาการของตัวเองหลังจากรับประทาน
- เครื่องดื่มแอลกอฮอล์:
- สาเหตุ: มีสาร ไทรามีน (Tyramine) และฮิสตามีนสูง ซึ่งกระตุ้นให้หลอดเลือดในสมองขยายตัวอย่างรวดเร็ว ทำให้เกิดอาการปวดหัวได้ง่าย
- ตัวอย่าง: ไวน์แดง (ตัวกระตุ้นที่พบบ่อยที่สุด), เบียร์, วิสกี้
- อาหารที่มีผงชูรส (MSG – Monosodium Glutamate)
- สาเหตุ: เป็นสารกระตุ้นระบบประสาทที่ไวต่อผู้ป่วยไมเกรนโดยตรง
- พบได้ใน: อาหารสำเร็จรูป, บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป, ขนมกรุบกรอบ, ซอสปรุงรสบางชนิด, อาหารจีน หรืออาหารตามสั่งบางร้าน
- อาหารแปรรูปและเนื้อสัตว์แปรรูป
- สาเหตุ: มักมีสารกันบูดกลุ่ม ไนเตรต (Nitrates) และไนไตรต์ (Nitrites) ซึ่งส่งผลต่อหลอดเลือดและกระตุ้นอาการปวดหัวได้
- ตัวอย่าง: ไส้กรอก, แฮม, เบคอน, กุนเชียง
- ช็อกโกแลต และชีสบ่ม (Aged Cheese)
- สาเหตุ: มีสาร ไทรามีน (Tyramine) สูงเช่นกัน อย่างไรก็ตาม บางครั้งความอยากทานช็อกโกแลตอาจเป็นอาการเตือนก่อนไมเกรนจะมา ไม่ใช่ตัวกระตุ้นเสมอไป ควรสังเกตตัวเองเป็นหลัก
- ตัวอย่างชีส: เชดดาร์ชีส, พาร์เมซานชีส, บลูชีส
- คาเฟอีน (ในปริมาณที่ไม่เหมาะสม):
- เป็นดาบสองคม: การดื่มกาแฟ เล็กน้อย (ไม่เกิน 1-2 แก้วต่อวัน) อาจช่วยบรรเทาอาการปวดหัวได้ เพราะคาเฟอีนช่วยให้หลอดเลือดหดตัว
- แต่… การดื่มมากเกินไป หรือการหยุดดื่มกะทันหัน (อาการถอนคาเฟอีน) เป็นตัวกระตุ้นไมเกรนชั้นดี
- อาหารไขมันสูงและของทอด:
- สาเหตุ: ไขมันอิ่มตัวสูงอาจส่งเสริมให้เกิดการอักเสบในร่างกาย ซึ่งเป็นปัจจัยหนึ่งที่เชื่อมโยงกับอาการปวดหัวไมเกรน
- นม ผลิตภัณฑ์จากนม และผลไม้รสเปรี้ยว:
- เป็นตัวกระตุ้นเฉพาะบุคคล: ผู้ป่วยบางรายที่ร่างกายไม่ทนต่อ แลคโตส (Lactose) ในนม หรือไวต่อ กรด และสารบางชนิดในผลไม้ตระกูลส้ม อาจมีอาการปวดหัวหลังรับประทานได
กลุ่มอาหารที่แนะนำ(ช่วยป้องกันและบรรเทาอาการ)
อาหารเหล่านี้มีสารอาหารที่ช่วยลดการอักเสบและทำให้ระบบประสาททำงานได้อย่างสมดุล
- ปลาทะเลไขมันสูง
- ประโยชน์: อุดมไปด้วย โอเมก้า 3 (Omega-3) ซึ่งมีคุณสมบัติช่วยลดการอักเสบทั่วร่างกาย รวมถึงการอักเสบที่เกี่ยวข้องกับไมเกรน
- ตัวอย่าง: ปลาแซลมอน, ปลาทูน่า, ปลาซาร์ดีน, ปลาแมคเคอเรล
- ผักใบเขียวเข้ม
- ประโยชน์: เป็นแหล่ง แมกนีเซียม (Magnesium) ชั้นดี ซึ่งช่วยให้กล้ามเนื้อและหลอดเลือดผ่อนคลาย การขาดแมกนีเซียมเป็นหนึ่งในสาเหตุของไมเกรน
- ตัวอย่าง: ผักโขม, คะน้า, บรอกโคลี, ใบตำลึง
- ธัญพืชไม่ขัดสี (Whole Grains)
- ประโยชน์: ช่วยรักษาระดับน้ำตาลในเลือดให้คงที่ การที่ระดับน้ำตาลในเลือดแกว่งขึ้นลงเร็วเกินไป (เช่น จากการกินของหวานหรือแป้งขัดขาว) สามารถกระตุ้นไมเกรนได้
- ตัวอย่าง: ข้าวกล้อง, ข้าวโอ๊ต, ควินัว, ขนมปังโฮลวีต
- น้ำเปล่า
- ประโยชน์: ภาวะขาดน้ำเป็นสาเหตุการปวดหัวที่พบบ่อยและป้องกันได้ง่ายที่สุด ควรดื่มน้ำให้เพียงพอตลอดทั้งวัน (ประมาณ 2-3 ลิตร หรือตามความต้องการของร่างกาย)
- ขิง
- ประโยชน์: มีคุณสมบัติต้านการอักเสบที่ทรงพลัง และยังช่วยลดอาการคลื่นไส้อาเจียน ซึ่งเป็นอาการร่วมที่พบบ่อยในผู้ป่วยไมเกรนได้ดีอีกด้วย
- วิธีใช้: ดื่มเป็นชาร้อน หรือใช้ประกอบอาหาร
ข้อแนะนำสำคัญ: นอกจากการควบคุมอาหารแล้ว การนอนหลับให้เพียงพอ การจัดการความเครียด และการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ก็เป็นหัวใจสำคัญในการรับมือกับไมเกรนเช่นกันครับ
การปรับไลฟ์สไตล์เพื่อลดอาการไมเกรน

การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในชีวิตประจำวันเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการควบคุมและลดความถี่ของอาการปวดหัวไมเกรนได้ การเริ่มต้นทำตามคำแนะนำเหล่านี้อย่างสม่ำเสมอ จะช่วยให้คุณรับมือกับไมเกรนได้ดีขึ้นในระยะยาว
1. จัดการความเครียด
ความเครียดเป็นตัวกระตุ้นไมเกรนอันดับต้นๆ การเรียนรู้ที่จะผ่อนคลายจึงเป็นสิ่งสำคัญ
- ฝึกหายใจลึกๆ หรือทำสมาธิ: ใช้เวลาวันละ 10-15 นาที ฝึกหายใจเข้า-ออกช้าๆ หรือทำสมาธิ เพื่อช่วยให้จิตใจสงบและลดความเครียดสะสม
- เล่นโยคะหรือยืดเส้นยืดสาย: การยืดเหยียดจะช่วยคลายความตึงของกล้ามเนื้อบริเวณคอและบ่า ซึ่งเป็นจุดกระตุ้นไมเกรนที่พบบ่อย
- แบ่งเวลาให้สมดุล: หาเวลาพักผ่อนและทำกิจกรรมที่ชอบ อย่าปล่อยให้ตัวเองทำงานหนักจนเกินไป การสร้างสมดุลระหว่างการทำงานและการพักผ่อนเป็นกุญแจสำคัญ
2. นอนหลับให้มีคุณภาพ
การนอนที่ไม่ปกติเป็นอีกหนึ่งสาเหตุหลักที่ทำให้ไมเกรนกำเริบ
- เข้านอนและตื่นนอนให้เป็นเวลา: พยายามนอนและตื่นในเวลาเดียวกันทุกวัน แม้ในวันหยุด เพื่อรักษาสมดุลของนาฬิกาชีวภาพในร่างกาย
- นอนให้เพียงพอ: คนส่วนใหญ่ต้องการการนอนหลับ 7-8 ชั่วโมงต่อคืน การนอนน้อยหรือมากเกินไปล้วนกระตุ้นให้ไมเกรนกำเริบได้
- จัดห้องนอนให้เหมาะกับการพักผ่อน: สร้างบรรยากาศที่มืด, เงียบ, และมีอุณหภูมิเย็นสบาย เพื่อให้คุณหลับได้สนิทและมีคุณภาพ
3. ออกกำลังกายพอเหมาะ
การออกกำลังกายช่วยลดความเครียดและปรับปรุงการนอนหลับได้ แต่ต้องทำอย่างพอดี
- เลือกกิจกรรมที่ใช่: ออกกำลังกายแบบเบาถึงปานกลาง เช่น เดินเร็ว, วิ่งจ็อกกิ้ง, ว่ายน้ำ, หรือปั่นจักรยาน อย่างน้อยสัปดาห์ละ 3-4 ครั้ง ครั้งละ 30-45 นาที
- ข้อควรระวัง: การหักโหมออกกำลังกายมากเกินไปอาจเป็นตัวกระตุ้นไมเกรนได้ ควรเริ่มต้นจากเบาๆ แล้วค่อยๆ เพิ่มความหนัก
- วอร์มอัพและคูลดาวน์: อย่าลืมยืดกล้ามเนื้อเบาๆ ก่อนและหลังออกกำลังกายทุกครั้ง เพื่อป้องกันอาการบาดเจ็บและความตึงของกล้ามเนื้อ
4. ดื่มน้ำให้เพียงพอ
ภาวะขาดน้ำเป็นหนึ่งในสาเหตุสำคัญของอาการปวดหัวที่หลายคนมองข้าม
- ดื่มน้ำเปล่าให้เป็นนิสัย: พยายามดื่มน้ำเปล่าให้ได้วันละ 8-10 แก้ว หรือจิบบ่อยๆ ตลอดวัน การพกขวดน้ำติดตัวจะช่วยเตือนให้คุณดื่มน้ำได้ง่ายขึ้น
- สังเกตสัญญาณเตือน: หากรู้สึกปากแห้ง, ปัสสาวะมีสีเข้ม, หรืออ่อนเพลียผิดปกติ นั่นอาจเป็นสัญญาณว่าร่างกายกำลังขาดน้ำ ควรดื่มน้ำเพิ่มทันที
คำถามที่พบบ่อย (FAQ)
น้ำผึ้งสามารถรักษาไมเกรนให้หายขาดได้จริงหรือ?
น้ำผึ้งไม่สามารถรักษาไมเกรนให้หายขาดได้ แต่ช่วยบรรเทาอาการ ลดความถี่และความรุนแรงของไมเกรนเมื่อใช้อย่างสม่ำเสมอ ควรใช้เป็นส่วนหนึ่งของการดูแลสุขภาพแบบองค์รวม ไม่ใช่ทางเลือกเดียว
ต้องดื่มน้ำผึ้งนานแค่ไหนถึงจะเห็นผล?
ผลลัพธ์แตกต่างกันในแต่ละคน โดยทั่วไปหากดื่มอย่างสม่ำเสมอ อาจเริ่มสังเกตเห็นการลดลงของความถี่หรือความรุนแรงของอาการภายใน 2-4 สัปดาห์ บางคนอาจใช้เวลานานถึง 2-3 เดือน
ดื่มน้ำผึ้งเวลาไหนดีที่สุดสำหรับผู้ป่วยไมเกรน?
ตอนเช้าหลังตื่นนอน (ท้องว่าง): ช่วยปรับระดับน้ำตาลในเลือดและเตรียมร่างกายสำหรับวันใหม่
ก่อนนอน 1 ชั่วโมง: ช่วยให้นอนหลับดี ฟื้นฟูระบบประสาท
เมื่อรู้สึกเริ่มปวดหัว: ดื่มทันทีเพื่อบรรเทาอาการ
ควรใช้น้ำผึ้งชนิดไหนดีที่สุดสำหรับไมเกรน?
น้ำผึ้งดอกลำไย เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้น มีวิตามินบีและแร่ธาตุที่ช่วยบำรุงระบบประสาท รสชาติดื่มง่าย ราคาเหมาะสม
น้ำผึ้งดอกสาบเสือ เหมาะสำหรับผู้ที่มีอาการรุนแรง มีสารต้านอนุมูลอิสระและแร่ธาตุสูงกว่า คุณสมบัติต้านการอักเสบแข็งแกร่ง
ผู้ป่วยเบาหวานที่เป็นไมเกรนดื่มน้ำผึ้งได้ไหม?
ได้ แต่ต้องควบคุมปริมาณ (ไม่เกิน 1 ช้อนชาต่อวัน) และต้องปรึกษาแพทย์เพื่อปรับยาเบาหวาน ควรตรวจระดับน้ำตาลในเลือดสม่ำเสมอ หากน้ำตาลไม่คงที่ อาจต้องหยุดใช้น้ำผึ้ง
ดื่มน้ำผึ้งพร้อมกับยาแก้ไมเกรนได้ไหม?
ได้ แต่ควรเว้นระยะห่าง 30 นาที – 1 ชั่วโมง หากใช้ยาหลายชนิด ควรปรึกษาเภสัชกรหรือแพทย์ อย่าหยุดยาที่แพทย์สั่งโดยพลการ เพื่อมาใช้น้ำผึ้งแทน
มีผลข้างเคียงจากการดื่มน้ำผึ้งบ่อยๆ ไหม?
สำหรับคนส่วนใหญ่ น้ำผึ้งปลอดภัยเมื่อดื่มในปริมาณพอเหมาะ (1-2 ช้อนโต๊ะต่อวัน) แต่ในบางคนอาจมีอาการแพ้ ปวดท้อง หรือน้ำตาลในเลือดสูงขึ้น หากมีอาการผิดปกติควรหยุดและพบแพทย์


ผลิตภัณฑ์จากผึ้ง
น้ำผึ้งแท้ 100%
น้ำผึ้งดอกลำไย 30 กิโลกรัม
น้ำผึ้งแท้ 100%
น้ำผึ้งดอกลำไย 7 กิโลกรัม (แกลลอน)
น้ำผึ้งแท้ 100%
น้ำผึ้งดอกสาบเสือ 7 กิโลกรัม (แกลลอน)
น้ำผึ้งดอกลำไย
น้ำผึ้งแท้ดอกลำไย 1000 กรัม ยกโหล Longan Honey 12 pcs
น้ำผึ้งแท้ 100%
น้ำผึ้งแท้ ดอกสาบเสือ 1000 กรัม
น้ำผึ้งดอกลำไย
น้ำผึ้งแท้ดอกลำไย 1000 กรัม
น้ำผึ้งดอกลำไย
น้ำผึ้งแท้ดอกลำไย 500 กรัม
น้ำผึ้งแท้ 100%
น้ำผึ้งแท้ ดอกสาบเสือ 500 กรัม
น้ำผึ้งดอกลำไย
น้ำผึ้งแท้ดอกลำไย 150 กรัม (ขายส่ง 1 โหล = 12 ขวด)
น้ำผึ้งดอกลำไย
น้ำผึ้งแท้ดอกลำไย 250 กรัม (ขายส่ง 1 โหล = 12 ขวด)
น้ำผึ้งแท้ 100%
น้ำผึ้งดอกไม้ป่าสาบเสือ 250 กรัม (ขายส่ง 1 โหล = 12 ขวด)
น้ำผึ้งดอกลำไย
น้ำผึ้งแท้ดอกลำไย 300 กรัม
น้ำผึ้งแท้ 100%
รวงผึ้งแบบเฟรม ขนาดต่อเฟรม 1.4 กก.(บรรจุในกล่อง 10 เฟรม)
น้ำผึ้งแท้ 100%
รวงผึ้งแท้ในน้ำผึ้ง 500 กรัม
น้ำผึ้งแท้ 100%
รวงผึ้งแท้ 300 กรัม จากน้ำผึ้งดอกลำไย
น้ำผึ้งแท้ 100%
กระชายขาวน้ำผึ้ง เครื่องดื่มชงสำเร็จรูป
เกสรผึ้ง
ชาเกสรผึ้งแท้ เครื่องดื่มชงสำเร็จรูป
เกสรผึ้ง
เกสรผึ้งแท้ 100% ขนาด 1000 กรัม
เกสรผึ้ง
เกสรผึ้งกระปุก 750 กรัม
น้ำผึ้งแท้ 100%
เกสรผึ้งแท้ 100% ขนาด 400 กรัม
น้ำผึ้งแท้ 100%
ไขผึ้ง ขนาด 1000 กก.
น้ำผึ้งแท้ 100%
สบู่น้ำผึ้งเสริมใยบวบ 100g. Honey Soap
น้ำผึ้งแท้ 100%
กาแฟสุขภาพ ผสมน้ำผึ้งและนมผึ้ง